ความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรม – Executive Function (EF)

05 Mar 2025

คำศัพท์จิตวิทยา

 

ความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรม (EF) เป็นกระบวนการทางปัญญาซึ่งทำงานส่งผลให้เกิดพฤติกรรมเป้าหมายที่มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์ ถูกควบคุมโดยการทำงานของ Prefrontal Cortex ประกอบด้วย การยับยั้งพฤติกรรม ความจำเพื่อใช้งาน และการยืดหยุ่นทางความคิด

 

Executive Function (EF) ได้รับการนิยามขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1970 โดย Karl H. Pribram ศัลยแพทย์ประสาทชาวออสเตรีย ซึ่งกล่าวถึงการทำงานของ Prefrontal Cortex จากกรณีศึกษาที่มีผู้ประสบอุบัติเหตุทำให้สมองส่วนดังกล่าวได้รับการเสียหาย ส่งผลต่อการรับรู้ทางปัญญาที่เปลี่ยนไป เช่น พฤติกรรมที่ขาดการยับยั้ง การตอบสนองต่อสิ่งเร้า การตัดสินใจที่ผิดพลาด การไม่ยืดหยุ่นทางความคิด Prefrontal Cortex ทำหน้าที่เปรียบเสมือนผู้บริหารสั่งการควบคุมการจราจรทางอากาศ ทำงานควบคุม สั่งการ เชื่อมโยงกับสมองส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะในบริเวณที่อยู่ใต้ชั้น Cortex หรือที่เรียกว่า Subcortical structures เช่น การทำงานร่วมกับ Basal ganglia และ Amygdala ซึ่งมีความสำคัญต่อรูปแบบการเรียนรู้และการตอบสนองอารมณ์และความเครียด

 

 

 

 

 

ความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรม (EF) ของเด็กวัยอนุบาล


 

 

EF เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของ Prefrontal Cortex ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของสมองที่เจริญเติบโต ข้อมูลทางประสาทวิทยาแสดงให้เห็นว่าพัฒนาการของ Prefrontal Cortex จะเริ่มพัฒนาในช่วงทารกต่อเนื่องไปจนกระทั่งถึงช่วงผู้ใหญ่วัยเริ่ม

 

ความจำเพื่อใช้งาน เป็นองค์ประกอบที่ทารกแสดงให้เห็นในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต ตามต่อมาด้วยการยับยั้งพฤติกรรมอย่างง่ายที่จะแสดงให้เห็นในช่วง 6 เดือนหลัง จากนั้นทั้งสององค์ประกอบนี้จะเริ่มทำงานร่วมกันในช่วงอายุ 2 ปี และการยืดหยุ่นทางความคิดจะเป็นองค์ประกอบสุดท้ายที่ถูกพัฒนา เนื่องจากมีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยการยับยั้งพฤติกรรมและความจำเพื่อใช้งานที่ถูกพัฒนามาก่อนหน้าเข้ามาทำงานร่วมกัน และจะพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงอายุ 3-5 ปี หรือวัยอนุบาล ช่วงอนุบาลจึงถือเป็นช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมของบุคคล

 

ความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรม (EF) สัมพันธ์กับพัฒนาการทางปัญญา สังคม และอารมณ์ของเด็ก ส่งผลต่อการควบคุมพฤติกรรมของตนเองและทักษะที่สัมพันธ์กับการเรียนรู้ เนื่องจากวัยอนุบาลเป็นช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนผ่านจากสังคมเล็ก ๆ ในบ้าน ไปสู่สังคมที่ใหญ่ขึ้น คือโรงเรียน การเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมในเด็กวัยอนุบาลถือเป็นกระบวนการเตรียมตัวพร้อมให้เด็กเข้าสู่ระบบโรงเรียน และวางรากฐานการเรียนรู้เพื่อความประสบความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้น

 

แม้ว่าความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมของบุคคลสามารถเกิดขึ้นได้จากกระบวนการเรียนรู้ตามธรรมชาติ แต่หากเกิดความล่าช้าของพัฒนาการในส่วนนี้อาจนำไปสู่ปัญหาอื่นได้ด้วย เด็กที่มีความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมดี เมื่อเริ่มเข้าโรงเรียนจะสามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเอง และมีพฤติกรรมเชิงบวก เช่น สามารถนั่งอยู่ในที่นั่งตนเอง สามารถควบคุมความสนใจของตนเองต่อการเรียน สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จ พฤติกรรมเหล่านี้จะพาพวกเขาไปสู่การได้รับผลตอบกลับต่อพฤติกรรมในทางบวก เช่น ได้รับการชื่นชมจากคุณครูและเพื่อน ๆ ส่งผลให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะเพิ่มพฤติกรรมเชิงบวกมากขึ้น และโรงเรียนจะกลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขและความสำเร็จสำหรับพวกเขา ในทางกลับกัน เด็กที่เริ่มเข้าโรงเรียนด้วยความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมระดับต่ำ มักจะแสดงพฤติกรรมที่ไม่น่าชื่นชม เช่น เดินลุกออกจากที่นั่ง มีปัญหาด้านการจดจ่อใส่ใจในการเรียน มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นต่อเพื่อนหรือคุณครู ทำให้พวกเขาได้รับผลตอบกลับพฤติกรรมในทางลบ เช่น การถูกลงโทษ หรือมีผลการเรียนที่ไม่ดี ซึ่งส่งผลให้พวกเขามีการรับรู้ต่อตนเองและโรงเรียนในเชิงลบ และอาจนำพาพวกเขาไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ที่ใหญ่ขึ้น

 

ความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรม (EF) สัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ในการเรียน ทักษะทางสังคมและการปรับตัว รวมถึงพฤติกรรมความก้าวร้าวรุนแรง และการใช้สารเสพติด เด็กที่มีความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมดี เมื่อเป็นวัยรุ่นมักจะไม่เกิดปัญหาการหยุดเรียนหรือหลุดออกจากระบบโรงเรียน ไม่ค่อยมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น การสูบบุหรี่หรือใช้สารเสพติด และมีแนวโน้มที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพร่างกายจิตใจที่ดี

 

 

การเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรม


 

 

การเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมตั้งแต่วัยอนุบาลน่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเมื่อเทียบกับการเสริมสร้างในเด็กโต เนื่องจากความยืดหยุ่นจองระบบประสาทและสมอง รวมถึงการวางรูปแบบพฤติกรรมที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนได้ง่าย ส่งผลให้เด็กในวัยอนุบาลสามารถเรียนรู้และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าวัยที่สูงขึ้น

 

การจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมของเด็กวัยอนุบาลสามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ

 

  1. การถ่ายทอดองค์ความรู้แบบใกล้ (Near transfer)

    เป็นการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมแยกองค์ประกอบ อันได้แก่ (1) การยับยั้งพฤติกรรม (2) ความจำเพื่อใช้งาน (3) การยืดหยุ่นทางความคิด แต่ละองค์ประกอบโดยตรง

  2. การถ่ายทอดองค์ความรู้แบบไกล (Far transfer)

    คือมีการใช้กิจกรรมอื่น ๆ เช่น กิจกรรมทางร่างกาย กิจกรรมการฝึกสติ เข้ามาเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมผ่านกิจกรรม

 

การจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมในเด็กวัยอนุบาลสามารถทำได้ทั้งในลักษณะการจัดการเรียนรู้เป็นกลุ่ม และรายบุคคล การจัดการเรียนรู้เป็นกลุ่มจะเน้นให้เด็กเกิดความสนุกและมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ อีกทั้งมีความคุ้มค่าด้านงบประมาณ เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในโรงเรียน ในขณะที่การจัดการเรียนรู้เป็นรายบุคคลจะเน้นแก้ไขปัญหาทางพัฒนาการของเด็กแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงจุดและส่งผลต่อพัฒนาการที่ดีกว่า

 

การเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมของเด็กวัยอนุบาล ในช่วงแรกจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู ในการตั้งกฎเกณฑ์และออกแบบโครงสร้างการเรียนรู้ในกิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็กปฏิบัติตาม เมื่อเด็กเริ่มพร้อม ผู้ใหญ่จึงค่อย ๆ ลดการสนับสนุนเหล่านั้นเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระในการออกแบบการเรียนรู้และตั้งกฎเกณฑ์ของตนเองในการจัดการพฤติกรรมได้มากขึ้น และลดการพึ่งพากฎเกณฑ์ที่ผู้ใหญ่สร้างขึ้น

 

การเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมของเด็กวัยอนุบาลสามารถทำได้ผ่านกิจกรรมในหลายรูปแบบ เช่น การเล่นบทบาทสมมติ การแต่งและเล่านิทาน การเล่นเกมปริศนา การเล่นบัตรคำ ทำอาหาร รวมถึงกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย โดยการจัดกิจกรรมให้ประสบความสำเร็จมิควรมุ่งเน้นแต่การเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว แต่กิจกรรมนั้นควรช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ และสังคมไปด้วยพร้อมกัน

 

 

 


 

 

ข้อมูลจาก

 

อริสรา แก้วม่วง. (2566). ผลของโปรแกรมการเต้น ซี แอนด์ ซี ต่อการเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาในการจัดการพฤติกรรมของเด็กวัยอนุบาล [วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. คลังปัญญาจุฬาฯ. https://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2023.141

 

Share this content