สรุปสาระสำคัญจากกิจกรรมเสวนาวิชาการ Lunch Talk#1 : พฤติกรรมการติดการพนัน

22 Sep 2020

บริการวิชาการ

LUNCH TALK มื้อที่ 1

วันพุธที่ 16 กันยายน 2563

 

เรื่อง พฤติกรรมการติดการพนัน

 

วิทยากร

รศ. ดร.สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต (อ.สมโภชน์)

ผศ. ดร.พรรณระพี สุทธิวรรณ (อ.น้อง)

 

ดำเนินรายการโดย

อ. ดร.หยกฟ้า อิศรานนท์ (อ.หยก)

 

 

ปัจจุบันมีสถิติพบว่า ทั่วโลกมีผู้คนนับล้านคนที่ขัดสนเงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน มีความเครียด และมีหนี้สินที่เกิดจากการเล่นพนัน มูลค่าหนี้สินรวมกันหลายหมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยแล้วคนละหมื่นกว่าบาท ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าการเล่นพนันจะไม่ใช่พฤติกรรมปกติโดยทั่ว ๆ ไป เพราะการเล่นพนันอาจส่งผลเสียได้ทั้งต่อตัวผู้เล่นเองหรือบุคคลรอบข้าง

 

 

การพนัน คืออะไร ?


 

กิจกรรมที่มีลักษณะของการชนะ-การแพ้ และมีการได้-การเสีย (bet) ทรัพย์สินหรือเงินทอง

 

 

พฤติกรรมอย่างไร ถึงจะเรียกว่าติดการพนัน?


 

สำหรับการเล่นลอตเตอรี่ หรือการเล่นพนันเล็ก ๆ น้อย ๆ เล่นการพนันเพื่อความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ และไม่ได้มีผลกระทบในด้านลบกับชีวิตและการใช้ชีวิตประจำวัน ยังไม่ถือเป็นการติด (addict) การพนัน แต่ถ้าเป็นในกรณีที่เล่นแล้วหยุดไม่ได้ อันนี้ก็จะเป็นปัญหา ซึ่งในการวินิจฉัยโรคทางจิตเวช (DSM-5: Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, Fifth Edition) ระบุว่าการติดการพนันก็เหมือนกับการติดยาเสพติด และมีผลต่อการทำงานของสมอง เมื่อเราเล่นพนัน เราจะรู้สึกความสนุก ตื่นเต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ทำให้สมองมีการสั่งการให้หลั่งสารสื่อประสาท (neurotransmitter) บางตัวออกมา เช่น โดปามีน (Dopamine) ทำให้เกิดความสุข และความตื่นเต้น และเมื่อเราเล่นการพนันจนเกิดความเคยชิน จะทำให้สมองทำงานแบบเดิมโดยอัตโนมัติ ซึ่งพอไม่ได้เล่นก็จะเกิดความหงุดหงิด เราจึงเล่นการพนันไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดความสุขหรือความพึงพอใจแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ติดการพนันโดยไม่รู้ตัว และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ เช่น การหลีกเลี่ยงจากสังคม เนื่องจากจิตใจมุ่งอยู่แต่กับเรื่องการเล่นพนัน เล่นอย่างไรให้ได้หรือชนะพนัน

 

 

สื่อและปัจจัยรอบข้างมีผลต่อการเล่นพนันมากน้อยแค่ไหน?


 

คนไทยมักมีความเชื่อเรื่องโชค เรื่องดวง เป็นพื้นฐาน และยิ่งถ้ามีคนมาพูดชักชวนให้ลอง จะยิ่งทำให้อยากลอง และหากมีคนรอบข้างมาชักชวนหรือโน้มน้าวใจ ก็สามารถเป็นแรงจูงใจให้เล่นพนันได้ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของการซื้อลอตเตอรี่ ในปัจจุบันสื่อมักจะนำเสนอข่าวการได้รับรางวัลจำนวนมาก ๆ หรือการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับเลขเด็ดต่าง ๆ ข่าวสารเหล่านั้นอาจทำให้เรารู้สึกว่าโอกาสได้รับรางวัลเป็นเรื่องใกล้ตัวและเราก็อาจมีโอกาสถูกรางวัลได้เช่นเดียวกับในข่าว ซึ่งก็เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับคนทั่วไป กรณีเหล่านี้อาจจะจูงใจให้เราอยากเล่นลอตเตอรี่มากขึ้น และเกิดความรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในสังคม นอกจากนี้ การพนันในยุคนี้ยังมาในรูปแบบของการพนันออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ทำให้คนเข้าถึงการเล่นพนันได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับผู้ที่ยึดหลักความเป็นไปได้ (Probability) ก็จะมีหยุดคิดและพิจารณาก่อนสักหน่อยก่อนจะตัดสินใจเล่นหรือไม่เล่น

 

 

เยาวชนเริ่มเล่นการพนันเร็วขึ้น – เด็กเข้ามายุ่งเกี่ยวการพนันได้อย่างไร?


 

พฤติกรรมปกติของเด็กคือ เด็กจะสังเกตพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในบ้าน หรือคนรอบข้าง หากคนรอบข้างเหล่านี้มีการเล่นพนัน ไม่ว่าจะเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น หวย หรือลอตเตอรี่ก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมของเด็ก อะไรที่ผู้ใหญ่ทำได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เกิดอารมณ์สนุก ทำให้เกิดความตื่นเต้น ก็จะดูเป็นสิ่งที่น่าสนุกสำหรับเด็กไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กอายุน้อย ๆ จะเข้าใจและมีส่วนร่วมในการเล่นพนันได้

นอกจากนี้ ในสมัยก่อน หากพูดถึงเรื่องการเล่นพนัน เราจะนึกถึงการต้องเดินทางไปบ่อน ต้องระมัดระวังและต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากตำรวจ ซึ่งสำหรับคนที่ไม่รู้จักแหล่งการพนันก็จะมีความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งการพนันเหล่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้ การเล่นพนันไม่ได้ลำบากแบบสมัยก่อน เนื่องจากมีรูปแบบของการพนันที่เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เช่น เกมและการพนันออนไลน์ และยิ่งในสมัยนี้ เราสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟน อินเทอร์เน็ต แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ และสื่อต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เข้าถึงเร็วขึ้นตั้งแต่อายุน้อย ๆ ซึ่งถ้าเด็กรู้สึกว่าการพนันไม่ได้แปลกอะไร เพราะผู้ใหญ่ในบ้าน หรือสภาพแวดล้อม ชุมชนแถวบ้านก็ทำกัน การพนันก็จะเข้าถึงตัวเด็กได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

พ่อแม่ทำอย่างไร ลูกก็จะทำอย่างนั้น

เด็กไม่ได้ฟังในสิ่งที่พ่อแม่พูด แต่เขาดูในสิ่งที่พ่อแม่ทำ

 

ไม่ใช่แค่พ่อแม่เท่านั้นที่จะปลูกฝังพฤติกรรมการเล่นพนันให้เด็ก ผู้ใหญ่ท่านอื่น ๆ ในบ้าน หรือญาติผู้ใหญ่ หรือเป็นบุคคลที่เด็กรู้สึกว่าน่าเชื่อถือ ก็สามารถปลูกฝังพฤติกรรมการเล่นพนันให้เด็กได้เช่นกัน ซึ่งในทางจิตวิทยาเรียกว่า Modeling หรือการเป็นตัวอย่าง หากไม่อยากให้ลูกเล่นพนันหรือติดการพนัน พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ในบ้านจะต้องไม่เล่นการพนันเลย

 

 

กรณีของเด็กและเยาวชนที่ติดการพนัน พ่อแม่หรือผู้ปกครองจะมีวิธีการสังเกตอย่างไร?


 

ในเริ่มแรกถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากในการสังเกตพฤติกรรมของเด็ก เนื่องจากปกติแล้ว เด็กมักจะเล่นเกมออนไลน์ในคอมพิวเตอร์หรือในสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว ซึ่งแยกได้ยากมากว่าเด็กกำลังหมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกมหรือติดการพนันกันแน่ เด็กในปัจจุบันนี้มีห้องนอนส่วนตัว และมักจะปกป้องสิทธิของตนเองไม่ให้พ่อแม่เข้ามาดูว่ากำลังทำอะไร หรือเรียกได้ว่ามี Privacy สูง และในครอบครัวที่ไม่ได้สนิทสนมกันหรือพูดคุยกันบ่อย ๆ ยิ่งทำให้พ่อแม่สังเกตพฤติกรรมของลูกได้ยากยิ่งขึ้น พ่อแม่จะทราบหรือสังเกตได้ก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาเกิดขึ้น เช่น เกิดหนี้สินหรือมีการมาตามทวงหนี้

นอกจากนี้ เราทราบกันดีว่า ในเกมออนไลน์ต่าง ๆ มักจะมีโฆษณาแฝงเข้ามาด้วย และอาจจะมีโฆษณาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ที่มีลักษณะเชิญชวนให้เด็กเข้าถึงเว็บการพนันออนไลน์ พ่อแม่จึงควรมีกิจกรรมอย่างอื่นที่สามารถดึงลูกออกจากชีวิตออนไลน์ และตัวพ่อแม่เองก็ต้องมี “เวลา” ให้กับลูกในการชวนทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันแทนที่จะเล่นโทรศัพท์มือถือกันทั้งบ้าน และถ้าเรามีเวลาได้พูดคุยกันมากขึ้น จะช่วยให้เราสังเกตเห็นได้หากว่าลูกมีพฤติกรรมอะไรที่เปลี่ยนไป และในช่วงที่ใช้เวลาพูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกันนั้น จะต้องเป็นการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ (Quality of Time)

 

หากสังเกตเห็นว่าลูกมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป พ่อแม่จะต้องมีความระมัดระวังในการใช้วิธีการที่จะพูดคุยกับลูก พ่อแม่ไม่ควรตำหนิ กล่าวโทษหรือลงโทษในสิ่งที่ลูกทำ เพราะจะทำให้เด็กไม่ยอมรับความจริงและเริ่มมีการโกหก แต่พ่อแม่ควรรับความจริงและฟังในสิ่งที่ลูกพูด และพูดคุยกับลูกในเชิงของการตั้งคำถาม เช่น ถามว่าสถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรและเราจะช่วยกันแก้ปัญหาได้อย่างไร เพื่อให้ลูกใช้ความคิด สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต้องทำให้ลูกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และ ลูกไม่ใช่เทวดาของครอบครัว ต้องทำให้เด็กรู้สึกว่า บ้านคือ Home ไม่ใช่แค่ House คือ ไม่ใช่แค่อยู่อาศัย แต่ต้องมีความผูกพัน และมีความรับผิดชอบในกิจกรรมต่าง ๆ ของครอบครัว เช่น การรับผิดชอบงานบ้าน เพื่อนำไปสู่ความรับผิดชอบต่อสังคม

 

สำหรับกรณีที่พ่อแม่ไม่ได้สร้างความผูกพันกับลูกตั้งแต่วัยเด็ก จะพบว่าการสร้างความไว้วางใจของลูกที่มีต่อพ่อแม่เป็นเรื่องที่ยากมาก การตั้งคำถามต่าง ๆ กับลูกวัยรุ่น เช่น การถามว่าทำอะไรอยู่ ไปที่ไหน ไปกับใคร จะทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา และจะเริ่มถอยหนีจากพ่อแม่ ดังนั้น สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ คือ การรับฟังในสิ่งที่เขาอยากจะบอก จะทำให้เด็กเชื่อใจและไว้ใจเรามากขึ้น การหาเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน หรือการออกไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันบ้าง จะเป็นการช่วยสร้างความสัมพันธ์และความผูกพันในครอบครัวให้เพิ่มขึ้นได้

 

 

คนลักษณะแบบไหนที่มักจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันหรือติดการพนัน?


 

มีงานวิจัยพบว่า คนที่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันหรือติดการพนันมักจะเป็นคนที่มีบุคลิกภาพหรือนิสัยที่ชอบความเสี่ยง ชอบความตื่นเต้น ชอบความท้าทาย และเชื่อในศักยภาพของตัวเองว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นอกจากนี้ อาจเนื่องมาจากธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบการแข่งขัน ตั้งแต่เด็กจนโตเราจะมีการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา การพนันก็ถือเป็นการแข่งขันอย่างหนึ่ง เป็นการแข่งขันกับอะไรหลาย ๆ อย่างที่เราไม่รู้ตัว ทั้งแข่งขันกับตัวเอง แข่งขันกับคนรอบข้าง แข่งขันกับกฎเกณฑ์ และในการเล่นพนันเรามักคิดว่าเราสามารถควบคุมได้เพราะเราเป็นคนเล่น แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจมีอะไรหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้และเราอาจแพ้ตั้งแต่ต้น

 

และยังมีงานวิจัยที่พบอีกว่า การได้ลุ้นถือเป็นการเสริมแรงอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้เราติดการพนันได้ง่ายขึ้น เช่น การที่เราซื้อลอตเตอรี่แล้วไม่เคยถูกรางวัลเลย แต่บังเอิญมีครั้งหนึ่งเกิดถูกรางวัลขึ้นมา จะทำให้เรามีความคิดว่า ฉันจะต้องถูกรางวัลอีก ถือเป็นการเสริมแรงให้เราซื้อลอตเตอรี่อีก และมีงานวิจัยพบว่า การเสียเงินจากการเล่นพนันจะเป็นการเสริมแรงให้คนเล่นการพนันมากขึ้นกว่าการได้เงินจากการเล่นพนันในจำนวนที่เท่ากัน เพราะมีการลุ้นว่าเราจะต้องได้เงินคืน ถือเป็นการเสริมแรงแบบไม่ตั้งใจ และแก้ได้ยากมาก ซึ่งตามทฤษฎีพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) ได้ระบุว่า การที่เราได้รับการเสริมแรงแบบคาดเดาไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะได้รับการเสริมแรงหรือต้องทำอะไรเท่าไหร่ถึงจะได้รับการเสริมแรง จะทำให้คนเราเกิดความคาดหวังหรือเกิดการลุ้นมากขึ้น และจะทำพฤติกรรมนั้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้รับโอกาสหรือได้ในสิ่งที่ต้องการ เช่น เมื่อเราเล่นการพนัน เราจะมีความคาดหวังว่าเราจะต้องได้หรือชนะพนัน หากเล่นแล้วแพ้มา 10 ครั้ง ก็จะทำให้เกิดความคาดหวังว่าครั้งที่ 11 จะต้องเล่นได้ ทำให้ยิ่งลุ้น ยิ่งมีความคาดหวังจะได้รับโอกาสชนะมากขึ้น กลายเป็นแรงจูงใจให้เล่นพนันมากขึ้นและติดพนันในที่สุด

 

 

มีวิธีการที่จะทำให้เลิกติดการพนันได้หรือไม่?


 

ตามหลักทางจิตวิทยา เชื่อว่าหากเราต้องการที่จะเลิกติดการพนันหรือเลิกเล่นการพนันนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ต้องเกิดจากความต้องการของเจ้าตัวที่อยากจะเลิก จากการสำรวจผู้ที่เข้ารับการบำบัดการติดการพนันในสหรัฐอเมริกา พบว่ามีผู้ที่กลับมาเล่นการพนันอีกถึงร้อยละ 80 เลยทีเดียว มีเพียงประมาณร้อยละ 20 เท่านั้นที่สามารถเลิกได้ จะเห็นได้ว่าการจะเลิกติดการพนันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากแต่ก็สามารถทำได้ การเลิกติดการพนันมีแนวทางในการปรับพฤติกรรม 2 ข้อ ดังนี้

 

ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการเล่นพนัน ก็จะลดโอกาสการเข้าไปเล่นพนันได้

ปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเองให้เลิกคิดที่จะเล่นพนัน ซึ่งบางคนอาจจะมีการปรับเปลี่ยนได้เมื่อประสบกับสถานการณ์ที่เจ็บปวด ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนเจตคติหรือทัศนคติได้ และในปัจจุบัน มีการบำบัดที่เรียกว่าการฝึกสติ หรือ mindfulness ซึ่งจะช่วยให้เรามีสติหรือรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ หากสามารถฝึกสติได้ก็จะช่วยทำให้โอกาสที่จะกลับไปเล่นพนันอีกมีน้อยลง

 

 

มีวิธีการอย่างไรที่จะโน้มน้าวใจให้ผู้อื่นเลิกติดการพนัน?


 

วิธีการที่จะโน้มน้าวใจให้ผู้อื่นเลิกติดการพนันคือ ใช้วิธีการพูดคุยในลักษณะที่เป็นการตั้งคำถามให้เค้าได้คิดและค้นหาคำตอบ เช่น เล่นแล้วได้อะไร เล่นแล้วดีอย่างไร โอกาสแพ้-ชนะเป็นเท่าไหร่ ถ้ายังเล่นการพนันอยู่ชีวิตเค้าจะเป็นอย่างไร ให้เค้าฝึกคิดอย่างเป็นระบบอยู่ตลอดเวลา เมื่อเค้าคิดและไตร่ตรองเหตุผลต่าง ๆ แล้วคิดได้ว่าเค้าควรจะหยุด เค้าก็จะหยุดได้ด้วยตัวเอง และหากว่าคำถามที่เราตั้งขึ้นเป็นสิ่งที่เค้าเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน เค้าสามารถสัมผัสได้จริงหรือมีประสบการณ์ตรง การโน้มน้าวใจก็จะทำได้ง่ายขึ้น

 

การโน้มน้าวใจให้เด็กเลิกติดการพนันสามารถทำได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ขวบ เนื่องจากอำนาจการตัดสินใจหลาย ๆ อย่างยังอยู่ที่พ่อแม่ หากพ่อแม่มีความเข้าใจลูกและปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ลูกก็จะสามารถช่วยให้เลิกติดการพนันได้ แต่สำหรับในผู้ใหญ่ที่ติดการพนันจะโน้มน้าวได้ยากกว่า เนื่องจากต้องให้คิดและตัดสินใจที่จะเลิกติดการพนันได้ด้วยตัวเอง

 

สำหรับกรณีที่มีผู้สูงอายุในบ้านติดการพนัน หากเป็นการเล่นพนันแบบเล็ก ๆ น้อย ที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือเสียหายอะไรมาก และไม่ผิดกฎหมาย เช่น การซื้อหวยหรือลอตเตอรี่นิด ๆ หน่อย ๆ ก็อาจปล่อยให้ท่านเล่นได้บ้าง ถือเป็นความสุขในชีวิตของท่านอย่างหนึ่ง แต่หากข้ามเส้นเกินปกติจนเกิดปัญหา มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจะต้องมีการบำบัดหรือโน้มน้าวใจให้เลิกเล่นการพนัน

 

 


 

 

รับชมการเสวนาออนไลน์ย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/CUPsychBooks/videos/1031678223943850/

 

Share this content