News & Events

ปฏิทินโครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา ปี 2568

 

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา สำหรับบุคคลทั่วไป

โดยงานบริการวิชาการกลาง คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2567

 

 

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ
เวลาจัดอบรม
Application timeline
สถานะ
พื้นฐานและมุมมองทางจิตวิทยาสำหรับการร่วมมือข้ามศาสตร์ 18 ม.ค. 2568 ธ.ค. 67 อบรมเสร็จสิ้นแล้ว
เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง 22 มี.ค. 2568 ม.ค – ก.พ. 68 ปิดรับสมัครแล้ว
Bias & Diversity Management in Organizations 26 เมษายน 2568 มี.ค. 68 กำลังรับสมัคร
จิตวิทยาการจัดการเวลา พฤษภาคม 2568 มี.ค. – เม.ย. 68 New
ความรู้พื้นฐานจิตวิทยาพัฒนาการ มิถุนายน 2568 พ.ค. 68 ปี 67 ที่ผ่านมา
ทฤษฎีการปรึกษาเชิงจิตวิทยาและจิตบำบัด มิ.ย. – ส.ค. 2568 เม.ย. 68 ปี 67 ที่ผ่านมา
ความรู้พื้นฐานจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ มิถุนายน 2568 พ.ค. 68 ปี 67 ที่ผ่านมา
ความรู้สถิติเบื้องต้นสำหรับการวิจัยทางจิตวิทยา กรกฎาคม 2568 มิ.ย. 68 ปี 67 ที่ผ่านมา
Mental Well-being Management in Organizations ตุลาคม 2568 ก.ย. 68 New
อบรมความรู้ทางจิตวิทยาสำหรับประชาชนทั่วไป พ.ย. – ธ.ค. 68 ต.ค. 68 ปี 67 ที่ผ่านมา
Monte Carlo Simulations for Sample Size Planning TBA TBA New

 

 

 

 

 

ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 108 ปี แห่งการสถาปนาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

 

วันที่ 3 มกราคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตร และร่วมแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.สุรเดช โชติอุดมพันธ์ คณบดีคณะอักษรศาสตร์ และผู้บริหารคณะอักษรศาสตร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 108 ปี แห่งการสถาปนาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ อาคารมหาจักรีสิรินธร

 

 

 

 

 

 

กลยุทธ์สู่การประสบความสำเร็จในปณิธานปีใหม่

 

ในงานวิจัยที่เก็บข้อมูลทางสถิติ พบว่า มีคนน้อยกว่าร้อยละ 10 ที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงในปณิธานปีใหม่ โดยส่วนใหญ่แล้วการตั้งปณิธานและไม่สามารถทำได้ตามที่ตนปรารถนานั้นจะสัมพันธ์กับ การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดแผนการ หรือการจัดสรรที่ดี ที่นำไปสู่เป้าหมาย และทำให้เกิดความหมดกำลังใจหมดแรงจูงใจในการสานฝันที่ตั้งไว้

 

ใครในที่นี้ได้เคยมีโอกาสได้ตั้งสิ่งที่ตนเองปรารถนาให้กับตัวเอง แต่ยังไม่ทันถึงเดือนกุมภาพันธ์ก็เริ่มปล่อยสิ่งที่ตนเองปรารถนาไปก่อนบ้างคะ?

 

ในงานวิจัยพบว่า ประมาณร้อยละ 80 ของผู้ที่มีสิ่งที่ตนเองปรารถนาจะปล่อยหรือละทิ้งสิ่งปรารถนานั้น ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ โดยหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยตั้งความปรารถนาไว้ในปีใหม่ แต่ไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้ หรือทำได้ในระดับหนึ่งแล้วล้มเลิกกลางครัน เราถือเป็นคนหมู่มากค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน

 

แล้วเราจะสามารถวางกลยุทธ์อย่างไรได้บ้างเพื่อความสำเร็จในปณิธานปีใหม่

 

คุณ ๆ ทราบมั้ยคะว่า การตั้งความแน่วแน่ในปีใหม่เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่เราควรได้ตั้งเป้าหมาย แพลนและลงมือทำ เหตุเพราะช่วงเวลาปีใหม่ เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง การรับรู้ถึงสิ่งใหม่ ๆ ความตั้งใจใหม่ ๆ จะยังมีอยู่อย่างเต็มที่ เป็นช่วงเวลาที่เราจะสามารถสะท้อนความตั้งใจของตนเอง และคิดถึงสิ่งที่อยากพัฒนา และดึงแรงบันดาลใจให้กับตนเองได้ เปรียบเหมือนการเริ่มต้นใหม่อย่างสดใส สดชื่น การเริ่มจัดระบียบวางแพลนในชีวิตเพื่อเริ่มบทใหม่ ๆ ของตัวเรา โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ สุขภาพ การงาน ความสัมพันธ์ต่าง ๆ ค่ะ

 

 

การตั้งเป้าหมายที่สำคัญ

 

  1. สามารถบอกกล่าว มีความเฉพาะเจาะจง และเห็นภาพที่ค่อนข้างชัดเจนถึงเป้าหมาย
  2. สามารถค่อย ๆ วัดความสำเร็จ และวัดความสำเร็จเมื่อถึงเป้าหมายได้
  3. มีความท้าทาย ไม่ง่ายเกินไป และไม่ยากเกินไป แบบยังไงก็เป็นไปไม่ได้ จนหมดกำลังใจ
  4. มีความสำคัญเฉพาะเป็นคุณค่ากับตัวเรา
  5. มีการให้เวลา และกำหนดเวลาในการค่อย ๆ ไปสู้เป้าหมายที่ตั้งไว้

 

 

เริ่มต้นจาก

  • “อะไรที่เล็กๆ” ถึงแม้ฝันเราจะใหญ่

เช่น ปณิธานของเราคือ การลงวิ่งมาราธอนภายในปีนี้ ก็อาจจะค่อย ๆ เริ่มเรียนรู้จังหวะการวิ่งของตัวเอง ค่อย ๆ พัฒนาตามระยะทาง จนสามารถพัฒนาเป็นวิ่งมาราธอนได้ใน 6 เดือนต่อมา

 

หรือ ปณิธานของเราคือ การลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ภายในครึ่งปีหน้า ก็ค่อย ๆ เริ่มจากการไม่ซื้อขนมมาตุนไว้ที่บ้าน ลดการทานของทอด ของหวานในทุก ๆ วัน พร้อมออกกำลังกาย อาจจะเริ่มที่ 15-20 นาที และค่อยเพิ่มเวลา ให้น้ำหนักได้ลดลงเป็นลำดับ

 

  • เป็นการสร้าง “ลักษณะนิสัยใหม่”

เช่น การซ้อมวิ่งทุก ๆ วัน เวลาหกโมงเย็น ที่สวนเป็นเวลา 20 นาที

การลดทานขนม น้ำหวาน หรือของทอด ในแต่ละมื้ออาหาร และในระหว่างวัน จนสามารถเลิกการทานได้

 

  • อิงสิ่งที่ “ช่วยสนับสนุนเรา”

เช่น แชร์ความแน่วแน่ตั้งใจนี้กับเพื่อน และชวนกันไปออกกำลังกาย ตามเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะกับเพื่อนที่มีปณิธานที่เหมือนกัน และชวนกันไปเริ่มจากอะไรเล็กๆ น้อยๆ จนสร้างเป็นลักษณะนิสัย

 

นอกจากนี้ ในยุคนี้ อาจจะมีเครื่องมือ applications ต่าง ๆ ที่ช่วย ในการสร้างความมุ่งมั่นตั้งใจ เช่นในการวิ่งและเก็บสถิติ ความเร็วและหน่วยระยะทางไว้ ซึ่งอาจจะสามารถแชร์กับกลุ่มเพื่อน เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ให้กันและกันได้อีกด้วย

 

  • “ให้รางวัลตัวเอง”

เช่น คำชมตัวเอง หรือ กดไลค์ ส่งคำชมเพื่อนที่กำลังพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมาย พร้อมจดบันทึกว่า ตอนนี้เราได้พัฒนาไปถึงไหน อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนอย่างไร หรือต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมมั้ยสู่การไปสู่เป้าหมาย โดยสิ่งนี้จะสัมพันธ์กับ ลักษณะของเป้าหมายที่ตั้ง และลักษณะของตัวเรา

 

ถ้าเราเป็นบุคคลที่มี Growth mindset ที่ดี ประสบการณ์ที่เราได้จะทำให้เราเกิดการเรียนรู้และพร้อมพัฒนา การตั้งเป้าหมายที่ท้าทายจะทำให้เราอยากลองลงมือทำ แต่หากเราเป็นบุคคลที่มี Fixed mindset การตัดสินตนเองว่า ไม่สามารถทำได้ และล้มเลิกความตั้งใจ หรือลดเป้าหมายลงอาจเกิดขึ้นได้ เราอาจจะลองขยับความคิดของเราค่ะ ว่าเราค่อย ๆ พยายามและเรียนรู้ ค่อย ๆ พัฒนา เราก็จะสามารถพัฒนาไปสู่เป้าหมาย หรืออาจเกินกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้

 

  • สุดท้าย แต่.. ไม่ท้ายสุดค่ะ

อยากชวนให้ทุกท่านได้พูดคุยและตอบคำถามตัวเองค่ะ ว่าเราตั้งปณิธานนี้เพราะสาเหตุอะไร หากความแน่วแน่ในปีใหม่ที่เราตั้งนี้ ตอบคำถามได้ว่า เราทำไปทำไม เพื่อคุณค่าอะไร เราก็จะมีแรงใจมากขึ้น ในการตั้งใจ และอยู่ในกลยุทธ์แผนที่ตั้งไว้ เพื่อให้ได้มาซึ่งปณิธานที่เราได้ตั้งไว้ในต้นปีนี้ค่ะ

 

 

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะคะ ขอให้ทุกท่านพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ผู้คนดี ๆ รอบกาย สุขกายและสบายใจค่ะ

 

 

Reference

Norcross, J. C., Mrykalo, M. S., & Blagys, M. D. (2002). Auld lang Syne: Success predictors, change processes, and self‐reported outcomes of New Year’s resolvers and nonresolvers. Journal of clinical psychology, 58(4), 397-405.

 

 


 

 

บทความโดย

อาจารย์ ดร.วิทสินี บวรอัศวกุล

อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ

 

แสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 36 ปี แห่งการสถาปนาคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาฯ

 

วันที่ 26 ธันวาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารคณะจิตวิทยา ร่วมแสดงความยินดีกับ ศาสตราจารย์ ดร.รัตน์ศิริ ทาโต คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 36 ปี แห่งการสถาปนาคณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ชั้น 10 อาคารอาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ จุฬาฯ

 

 

 

 

 

กิจกรรม CU RESEARCH & GRANT ROADSHOW

 

คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอขอบพระคุณ ศาสตราจารย์ ดร.บัญชา พูลโภคา ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านงานพัฒนาวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทีมงานกลุ่มยุทธศาสตร์การวิจัย ที่ได้มาจัดกิจกรรม CU RESEARCH & GRANT ROADSHOW ในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567 ณ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

โดยในงานนี้ได้มีการประชาสัมพันธ์ทุนสนับสนุนกลุ่มยุทธศาสตร์การวิจัย เพื่อให้คณาจารย์และนักวิจัยของคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับทุนของยุทธศาสตร์วิจัยและการสนับสนุนต่าง ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนางานวิจัยของคณาจารย์ และผลักดันงานวิจัยให้เกิดความก้าวหน้าในระดับนานาชาติ

ต้อนรับ H.E Angela Mcdonald เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย

 

วันที่ 19 ธันวาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบุญ จารุเกษมทวี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ และ อาจารย์ ดร.พจ ธรรมพีร ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาตรีนานาชาติ (JIPP) ได้มีโอกาสต้อนรับ H.E Angela Mcdonald เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้า พบ ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อขยายความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในออสเตรเลีย

 

 

งานรับปริญญาของบัณฑิต JIPP 12 ณ หอประชุม The University of Queensland

 

วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมบุญ จารุเกษมทวี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ อาจารย์ ดร.พจ ธรรมพีร ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาตรีนานาชาติ (Joint International Psychology Program: JIPP) และอาจารย์ ดร.สุภสิรี จันทวรินทร์ ประธานแขนงวิชาจิตวิทยาปริชาน เข้าร่วมงานรับปริญญาของบัณฑิตระดับปริญญาตรีที่สำเร็จการศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์จิตวิทยา ซึ่งเป็นหลักสูตรนานาชาติสองปริญญา (Joint Degree) รุ่นที่ 12 ณ หอประชุม The University of Queensland ณ เมือง Brisbane มลรัฐ Queensland ประเทศ Australia ในโอกาสนี้ Jotika Sudan บัณฑิตของ JIPP 12 ได้รับเกียรติเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรับปริญญาดังกล่าว

 

On December 16, 2024, Assistant Professor Dr. Nattasuda Taephant, Dean of the Faculty of Psychology; Assistant Professor Dr. Somboon Jarukasemthawee, Assistant Dean; Dr. Phot Dhammapeera, Director of the International Undergraduate Program (JIPP); and Dr. Suphasiree Chantavarin attended the graduation ceremony for graduates of the Joint International Program in Psychology (JIPP 12) at the University of Queensland’s auditorium in Brisbane, Queensland, Australia. During this occasion, Miss Jotika Sudan from JIPP 12 had the honor of serving as the valedictorian and delivering the commencement speech at the ceremony.

 

 

 

การพูดคุยหารือในสร้างความร่วมมือทั้งด้านวิชาการ การพัฒนาหลักสูตรร่วม การวิจัยและการพัฒนานิสิตระหว่างคณะจิตวิทยา จุฬาฯ และ School of Psychology, The University of Queensland

 

วันที่ 13-14 ธันวาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมบุญ จารุเกษมทวี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ อาจารย์ ดร.พจ ธรรมพีร ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาตรี นานาชาติ (JIPP) และอาจารย์ ดร.สุภสิรี จันทวรินทร์ ประธานแขนงวิชาจิตวิทยาปริชาน ได้พบปะและร่วมพูดคุยกับคณะผู้บริหารของ School of Psychology, The University of Queensland ณ เมือง Brisbane มลรัฐ Queensland ประเทศ Australia ในโอกาสนี้ได้มีการพูดคุยหารือในสร้างความร่วมมือทั้งด้านวิชาการ การพัฒนาหลักสูตรร่วม การวิจัยและการพัฒนานิสิตระหว่างทั้งสองสถาบัน

 

On December 13-14, 2024, Assistant Professor Dr. Nattasuda Taephant, Dean of the Faculty of Psychology, Assistant Professor Dr. Somboon Jarukasemthawee, Assistant Dean, Dr. Phot Dhammapeera, Director of the International Undergraduate Program (JIPP), and Dr. Suphasiree Chantavarin met with the administrative team of the School of Psychology at The University of Queensland in Brisbane, Queensland, Australia. During this occasion, discussions focused on fostering academic cooperation, developing joint curricula, engaging in collaborative research, and enhancing student development between the two institutions

 

 

 

 

Basic Psychological Needs – ความต้องการพื้นฐานด้านจิตใจ

 

 

 

 

ความต้องการพื้นฐานด้านจิตใจเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงใน ทฤษฎีความมุ่งมั่นในตนเอง (Self-determination theory) โดยทฤษฎีนี้ได้นำเสนอว่า ผู้คนเป็นสิ่งมีชีวิตที่กระตือรือร้น มีความต้องการเติบโตและพัฒนาทางจิตใจ เป็นการค้นหาความท้าทาย ความแปลกใหม่ และโอกาสในการเรียนรู้ ดังนั้นจึงอธิบายถึงแนวโน้มการเติบโตโดยธรรมชาติของผู้คนและความต้องการทางจิตวิทยาโดยพื้นฐาน (Innate psychological needs) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับแรงจูงใจในตนเองและบุคลิกภาพของบุคคล อันได้แก่ ความต้องการด้านการมีอิสระในตนเอง (Autonomy) ความต้องการด้านความสามารถ (Competence) และความต้องการด้านความสัมพันธ์ (Relatedness) ซึ่งจำเป็นต่อการเติบโตและการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเพื่อพัฒนาสังคมอย่างสร้างสรรค์และความเป็นอยู่ที่ดีส่วนบุคคล

 

 

ทฤษฎีความมุ่งมั่นในตนเอง ประกอบด้วย 3 แรงจูงใจ และ 6 การกำกับตนเอง ดังนี้

 

 

ไม่มีแรงจูงใจ
แรงจูงใจจากภายนอก
แรงจูงใจจากภายใน
ไม่มีการกำกับตนเอง
การกำกับจาก
ภายนอก
การกำกับด้วย
ความยินยอม
กำกับด้วยการ
ระบุตนเอง
การกำกับที่
สอดคล้อง
การกำกับตนเอง
จากภายใน
ไม่แสดงพฤติกรรมใดเพื่อ
ไปสู่เป้าหมายหรือหาก
มีการแสดงพฤติกรรม
ก็เป็นลักษณะกระทำ
โดยไม่มีเจตนา
แสดงพฤติกรรมที่คาด
ว่าจะได้รับรางวัลหรือ
หลีกเลี่ยงการลงโทษ
แสดงพฤติกรรมเพื่อ
หลีกเลี่ยงความรู้สึกผิด
หรือวิตกกังวล หรือ
เพื่อเพิ่มความภาคภูมิใจ
หรือคุณค่าในตนเอง
แรงกดดันจาก
ภายนอกทำให้แสดง
พฤติกรรมโดยเป้าหมาย
ที่มีประโยชน์ มากกว่า
สิ่งที่เป็น
ความต้องการ
แท้จริง
ค่านิยมและเป้าหมาย
ภายนอกสอดคล้องกับ
เป้าหมายภายใน ซึ่ง
กลายเป็นส่วนหนึ่ง

ของตัวตนและ
แรงบันดาลใจ
เป็นแรงจูงใจที่เกิดจาก
ความสนใจส่วนตัว
ความอยากรู้ หรือ
ความเพลิดเพลินใน
การทำงานตามเป้าหมาย

 

 

ทั้งนี้การกำกับตนเองนั้นเป็นไปเพื่อเติมเต็มหรือลดทอนความต้องการทางจิตวิทยาขั้นพื้นฐาน 3 ประการที่กล่าวข้างต้น

 

 

ทฤษฎีความมุ่งมั่นในตนเองมีการอธิบายทั้งหมด 6 ทฤษฎีย่อย ดังนี้

 

 

1. ทฤษฎีการประเมินการรู้คิด (Cognitive evaluation theory)

 

ทฤษฎีนี้ได้อธิบายถึงบริบททางสังคมที่ถือได้ว่าเป็นปัจจัยในการส่งเสริมหรือยับยั้งการเกิดแรงจูงใจภายในที่ทำให้บุคคลแสดงพฤติกรรม โดยลักษณะของบริบททางสังคมที่มาส่งเสริมหรือยับยั้งการเกิดแรงจูงใจคือ บริบททางสังคมที่สนับสนุนการมีอิสระในการทำพฤติกรรมด้วยตนเอง และบริบททางสังคมที่ส่งเสริมการรับรู้ถึงความสามารถของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ บริบททางสังคมที่แสดงให้รับรู้ว่าสาเหตุที่ทำพฤติกรรมมาจากตนเอง ไม่ใช่เพราะสาเหตุจากภายนอก ก็สามารถส่งผลเพิ่มแรงจูงใจภายในได้

 

 

2. ทฤษฎีการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมของสิ่งมีชีวิต (Organismic integration theory)

 

ทฤษฎีนี้เน้นความสำคัญของแรงจูงใจภายนอก กล่าวคือ บุคคลเลือกทำหรือกำหนดพฤติกรรมด้วยตนเองเป็นผลมาจากแรงจูงใจภายนอก เช่น การทำกิจกรรมที่ไม่ตรงกับความสนใจของตน แต่ถ้าบุคคลได้รับแรงจูงใจภายนอก เช่น รางวัลหรือคำชม ผลที่ตามมาคือบุคคลนำแรงจูงใจภายนอกมายึดเป็นพฤติกรรมที่ตนเลือกทำกิจกรรมเอง

 

 

3. ทฤษฎีการหล่อหลอมพฤติกรรมจากสิ่งแวดล้อมและเหตุผลภายในตนเอง (Causality orientations theory)

 

ทฤษฎีนี้กล่าวถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นบุคลิกภาพหรือลักษณะนิสัย ที่นำไปสู่การกำหนดแรงจูงใจและความมุ่งมั่นในตนเอง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ คือ ลักษณะของการมีอิสระในตนเอง (Autonomous orientation) เป็นบุคคลที่แสดงพฤติกรรมตามความชื่นชอบและสนใจของตนเอง โดยจะพบความสัมพันธ์ทางบวกกับบุคลิกภาพที่นำไปสู่การมีสุขภาวะที่ดี เช่น การเห็นคุณค่าในตนเอง ต่อมาคือลักษณะที่ถูกควบคุมโดยปฏิบัติตนตามความต้องการของบุคคลอื่น (Controlled orientation) บุคคลลักษณะนี้มักพบว่าเห็นคุณค่าในตนเองต่ำและพบอารมณ์ซึมเศร้าอีกด้วย และลักษณะสุดท้ายคือ ลักษณะของบุคคลที่ไม่มีตัวตน (Impersonal orientation) คือบุคคลที่รู้สึกถึงความไร้ความสามารถส่งผลให้บุคคลไม่มีแรงจูงใจ (Amotivation)

 

 

4. ทฤษฎีความต้องการพื้นฐาน (Basic needs theory)

 

ทฤษฎีนี้กำหนดว่าบุคคลมีความต้องการพื้นฐานด้านจิตใจ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบดังนี้

 

(1) ความต้องการมีอิสระในตนเอง (Autonomy) หมายถึง ความต้องการมีอิสระในการกำหนดชีวิตของตนเอง มีอำนาจในการตัดสินใจทำสิ่งใดด้วยตนเอง และมีความรับผิดชอบในการกระทำของตน อีกทั้งความต้องการเป็นอิสระมาจากการที่บุคคลต้องการทำพฤติกรรมหรือตัดสินใจตามสิ่งที่ตนเองชื่นชอบและสนใจ ถึงแม้ว่าเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้ทำพฤติกรรม แต่บุคคลก็มีความสนใจที่มาจากภายในของตนเองด้วย

 

(2) ความต้องการด้านสามารถ (Competence) หมายถึง ความสามารถในการจัดการสภาพแวดล้อมรอบตัวของตน โดยความต้องการด้านความสามารถนำบุคคลไปแสวงหาความท้าทายในชีวิต และความท้าทายมักอยู่ในขอบเขตตามความสามารถที่แต่ละบุคคลพึงมี นอกจากนี้ การเติมเต็มความต้องการด้านความสามารถยังส่งผลให้บุคคลรู้สึกมีความมั่นใจในการกระทำหรือพฤติกรรมของตนอีกด้วย

 

(3) ความต้องการด้านความสัมพันธ์ (Relatedness) หมายถึง ความสัมพันธ์อันดีต่อบุคคลอื่น โดยเกิดความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่ง เป็นที่ยอมรับ และมีความผูกพันต่อบุคคลอื่นในสังคม

 

เมื่อความต้องการด้านจิตใจได้รับการสนับสนุน หรือเมื่อความต้องการทั้ง 3 ด้านได้รับการเติมเต็ม บุคคลจะรู้สึกว่าตนมีแรงจูงใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยตนเอง และสามารถทำให้บุคคลมีอารมณ์เชิงบวกและมีสุขภาวะทางจิต (Psychological well-being) ที่ดีด้วย

 

Autonomy
Competence
Relatedness
ปัจจัยสนับสนุน
  • การรับรู้ถึงทางเลือก
  • คำอธิบายที่มีเหตุผล
  • การได้รับรู้ความรู้สึก
  • ความท้าทายในระดับที่เหมาะสม
  • ผลตอบรับทางบวก
  • การได้รับการปฏิบัติที่ดีจากคนรอบข้าง
  • การได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
  • ความปลอดภัย
ปัจจัยลดทอน
  • การกำหนดเวลา การคุกคาม
  • เป้าหมายที่ไม่ได้เลือกเอง
  • รางวัล/การลงโทษ
  • การควบคุม
  • ความท้าทายที่เกินระดับความสามารถ
  • ผลตอบรับทางลบ
  • การแก่งแย่งแข่งขัน
  • การจับผิดติเตียน
  • การแบ่งพรรคแบ่งพวก

 

 

 

5. ทฤษฎีการตั้งเป้าหมาย (Goal content theory)

 

ทฤษฎีนี้เสนอว่าเป้าหมายจากภายนอก (Extrinsic goals) เช่น ความมั่งคั่งทางการเงิน ภาพลักษณ์ และชื่อเสียง จะตอบสนองความต้องการพื้นฐานด้านจิตใจ 3 ประการ ได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายภายใน (Intrinsic goals) เช่น การเติบโตจากภายใน การมีส่วน ร่วมกับสังคม และความใกล้ชิดทางอารมณ์ นอกจากนี้ การมีเป้าหมายจากภายนอกนำไปสู่สุขภาวะที่แย่ลงและการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ในขณะที่เป้าหมายภายในนำไปสู่สุขภาวะที่ดีเนื่องจากเป็นการตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานด้านจิตใจ 3 ประการ

 

 

6. ทฤษฎีแรงจูงใจในความสัมพันธ์ (Relationship motivation theory)

 

ทฤษฎีนี้เสนอว่าความพึงพอในใจความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับ การได้รับความเคารพและการดูแล นอกจากนี้ความรู้สึกปลอดภัยที่มาจากความผูกพัน (Attachment) กับผู้เลี้ยงดูจะส่งเสริมการมีอิสระ (Autonomy) อย่างไรก็ตามลักษณะการเลี้ยงดูบางรูปแบบอาจขัดขวางการมีแรงจูงใจและสุขภาวะทางอารมณ์ได้เช่นกัน

 

 

 


 

 

อ้างอิง

 

ณฐวรรณ อรรณพไกรสร. (2563). อิทธิพลของการเข้าร่วมกิจกรรมยามว่างต่อความพึงพอใจในชีวิตของผู้สูงวัย โดยมีความต้องการพื้นฐาน ด้านจิตใจเป็นตัวแปรส่งผ่าน และเหตุผลในการเข้าร่วมกิจกรรมยามว่างเป็นตัวแปรกำกับ [วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. คลังปัญญาจุฬาฯ. http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2020.678

 

จุฑามาศ มงคลอำนาจ. (2565). ความสัมพันธ์ของการกำหนดตนเอง การคลั่งไคล้ศิลปิน และ การฟื้นคืนพลัง ในผู้ใหญ่วัยเริ่มที่เข้าร่วมกลุ่มชื่นชอบศิลปิน [วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]. คลังปัญญาจุฬาฯ. http://doi.org/10.58837/CHULA.THE.2022.541

 

Cook, D. A., & Artino, A. R., Jr (2016). Motivation to learn: an overview of contemporary theories. Medical education, 50(10), 997–1014. https://doi.org/10.1111/medu.13074

การหารือในสร้างความร่วมมือทั้งด้านวิชาการและการวิจัยกับ School of Psychology, Queensland University of Technology

 

เมื่อวันที่ 11-12 ธันวาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สมบุญ จารุเกษมทวี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิรัชกิจ ได้พบปะและร่วมพูดคุยกับคณะผู้บริหารของ School of Psychology, Queensland University of Technology ณ เมือง Brisbane มลรัฐ Queensland ประเทศ Australia ในโอกาสนี้ได้มีการพูดคุยหารือในสร้างความร่วมมือทั้งด้านวิชาการ การพัฒนาหลักสูตรร่วมและการวิจัย เพื่อนำไปสู่การพัฒนา Memorandum of understanding ระหว่างทั้งสองสถาบัน

 

On December 11-12, 2024, Assistant Professor Dr. Nattasuda Taephant, Dean of the Faculty of Psychology, and Assistant Professor Dr. Somboon Jarukasemthawee, Assistant Dean, engaged in discussions with the administrative team of the School of Psychology at Queensland University of Technology in Brisbane, Queensland, Australia. During this event, they explored opportunities for fostering academic cooperation, developing joint curricula, and conducting collaborative research, with the objective of establishing a Memorandum of Understanding between the two institutions.