ข่าวและกิจกรรม

โครงการอบรมความรู้สถิติเบื้องต้นสำหรับการวิจัยทางจิตวิทยา ประจำปี 2567

 

โครงการอบรมความรู้สถิติเบื้องต้นสำหรับการวิจัยทางจิตวิทยา ประจำปี 2567

 

 

 

คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วม โครงการอบรมความรู้สถิติเบื้องต้นสำหรับการวิจัยทางจิตวิทยา ประจำปี 2567 โดย อบรมผ่านโปรแกรม ZOOM ระหว่างวันที่ 1–15 กรกฎาคม 2567 เวลา 18.00 – 21.00 น. รวมใช้ระยะเวลาในการฝึกอบรมทั้งสิ้น 18 ชั่วโมง

 

อบรมและบรรยายโดย รองศาสตราจารย์ สักกพัฒน์ งามเอก คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

โครงการอบรมมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านสถิติเบื้องต้นสำหรับการวิจัยทางจิตวิทยาให้แก่ผู้สนใจทั่วไป และเป็นการปรับพื้นฐานความรู้ความเข้าใจในทฤษฏีทางสถิติที่ใช้ในการศึกษาวิจัยทางจิตวิทยา ให้แก่ผู้ที่กำลังจะเข้าศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการต่อยอดองค์ความรู้ทางด้านสถิติเบื้องต้นสำหรับการวิจัยทางจิตวิทยาให้แก่ผู้สนใจทั่วไป

 

เนื้อหาการอบรมจะมุ่งเน้นไปที่ พื้นฐานความรู้ด้านสถิติเบื้องต้นสำหรับการวิจัย และการนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ โดยคาดหวังว่าผู้ที่เข้ารับการอบรมจะมีความรู้ และความเข้าใจทฤษฎีทางสถิติศาสตร์เบื้องต้น โดยเฉพาะเนื้อหาในด้านสถิติเบื้องต้นสำหรับงานวิจัย ครอบคลุมถึงการวิเคราะห์อิทธิพลส่งผ่านและอิทธิพลกำกับ เพื่อนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ต่อยอดในการทำความเข้าใจ และสร้างผลงานวิจัยทางด้านจิตวิทยาในเชิงลึกต่อไปได้

 

 

หลังเสร็จสิ้นการอบรมผู้เข้าร่วมจะได้รับ เกียรติบัตรรับรองการเข้าร่วมอบรม (E-certificate) โดยจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง (15 ชั่วโมง)

 

 

หัวข้อการฝึกอบรม

 

 

 

หลังจากเสร็จสิ้นการอบรมแต่ละครั้ง ทางผู้จัดโครงการจะอัพโหลดไฟล์วิดีโอการอบรมให้ผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถเข้ามาดูย้อนหลังได้จนถึงวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลา 23.59 น

 

 

อัตราค่าลงทะเบียน

 

 

*บุคลากรของรัฐและหน่วยงานราชการที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว

มีสิทธิเบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบของทางราชการ*

 

 

 

เงื่อนไขการลงทะเบียน

  1. กรุณาชำระค่าลงทะเบียนเข้าร่วมงานก่อนกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน
  2. การส่งแบบฟอร์มลงทะเบียน จะต้องแนบหลักฐานการชำระเงินค่าลงทะเบียนมาด้วย จึงจะถือว่าการลงทะเบียนสมบูรณ์
  3. เมื่อผู้จัดงานได้ตรวจสอบการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งยืนยันการลงทะเบียนให้ทราบภายใน 3 วัน
  4. บุคลากรของรัฐและหน่วยงานราชการที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว สามารถเข้าร่วมการอบรมได้โดยไม่ถือเป็นวันลา และมีสิทธิเบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบของทางราชการ
  5. ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์จะจัดส่งให้ทางอีเมล กรุณาตรวจสอบข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ และอีเมล
  6. เมื่อชำระเงินค่าลงทะเบียนแล้ว จะไม่สามารถขอรับเงินคืนได้ทุกกรณี

 

 

 


ปิดรับสมัครแล้วค่ะ


 

 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณวาทินี สนลอย โทร. 02-218-1307 หรือ email: Wathinee.s@chula.ac.th

 

โครงการอบรมความรู้พื้นฐานทางจิตวิทยาพัฒนาการ ประจำปี 2567

 

โครงการอบรมความรู้พื้นฐานทางจิตวิทยาพัฒนาการ ประจำปี 2567

 

 

 

คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วม โครงการอบรมความรู้พื้นฐานทางจิตวิทยาพัฒนาการ ประจำปี 2567 โดยอบรมผ่านโปรแกรม ZOOM ระหว่างวันที่ 17 – 25 มิถุนายน 2567 เวลา 18.00 – 21.00 น. และสอบวัดผล ในวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลา 18.00 – 21.00 น. รวมใช้ระยะเวลาในการฝึกอบรมและสอบวัดผลทั้งสิ้น 24 ชั่วโมง อบรมและบรรยายโดย คณาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

โครงการอบรมมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ทางด้านจิตวิทยาพัฒนาการให้แก่ผู้สนใจทั่วไป และเป็นการปรับพื้นฐานความรู้ความเข้าใจในทฤษฎีและการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาพัฒนาการให้แก่ผู้ที่กำลังจะเข้าศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา แขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการต่อยอดองค์ความรู้ทางด้านจิตวิทยาพัฒนาการให้แก่ผู้สนใจทั่วไป

 

เนื้อหาการอบรมจะมุ่งเน้นไปที่ พื้นฐานความรู้ด้านจิตวิทยาพัฒนาการ และความรู้เกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่าง ๆ ในแต่ละช่วงวัย โดยคาดหวังว่าผู้ที่เข้ารับการอบรมจะมีความรู้ และความเข้าใจทฤษฎีทางจิตวิทยาพัฒนาการ รวมถึงเนื้อหาในด้านจิตวิทยาพัฒนาการเบื้องต้น เพื่อนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ต่อยอดในการทำความเข้าใจ และสร้างผลงานวิจัยทางด้านจิตวิทยาพัฒนาการในเชิงลึกต่อไปได้

 

 

ผู้เข้าอบรมจะได้รับ วุฒิบัตรเพื่อใช้ประกอบการสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา แขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ คณะจิตวิทยา ได้ผู้เข้าอบรมจะต้องผ่านเกณฑ์การวัดผลดังนี้

  • ต้องเข้ารับการฝึกอบรมไม่น้อยกว่า 6 ครั้ง (18 ชั่วโมง)
  • สอบวัดผลข้อเขียน โดยผ่านเกณฑ์การประเมิน 70% ขึ้นไป

 

 

หัวข้อการฝึกอบรม

 

 

 

หลังจากเสร็จสิ้นการอบรมแต่ละครั้ง ทางผู้จัดโครงการจะอัพโหลดไฟล์วิดีโอการอบรมให้ผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถเข้ามาดูย้อนหลังได้จนถึงวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2567 (ลิงค์สำหรับดูย้อนหลังจะถูกจัดส่งทางอีเมล)

 

 

อัตราค่าลงทะเบียน

 

 

*บุคลากรของรัฐและหน่วยงานราชการที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว
มีสิทธิเบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบของทางราชการ*

 

 

เงื่อนไขการลงทะเบียน

  1. กรุณาชำระค่าลงทะเบียนเข้าร่วมงานก่อนกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน
  2. การส่งแบบฟอร์มลงทะเบียน จะต้องแนบหลักฐานการชำระเงินค่าลงทะเบียนมาด้วย จึงจะถือว่าการลงทะเบียนสมบูรณ์
  3. เมื่อผู้จัดงานได้ตรวจสอบการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งยืนยันการลงทะเบียนให้ทราบภายใน 3 วัน
  4. บุคลากรของรัฐและหน่วยงานราชการที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว สามารถเข้าร่วมการอบรมได้โดยไม่ถือเป็นวันลา และมีสิทธิเบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบของทางราชการ
  5. ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์จะจัดส่งให้อีเมล กรุณาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ และอีเมล
  6. เมื่อชำระเงินค่าลงทะเบียนแล้ว จะไม่สามารถขอรับเงินคืนได้ทุกกรณี

 

 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณวาทินี สนลอยโทร. 02-218-1307 หรือ email: Wathinee.s@chula.ac.th

JIPP parent meeting 2024

 

Exciting News from the Joint International Psychology Program (JIPP)!

The Joint International Psychology Program (JIPP) between Chulalongkorn University and The University of Queensland (UQ) hosted its launch “Parent Meeting for JIPP13 Students” on February 13, 2024, at the Chaloem Rajakumari 60 Building, Chulalongkorn University.
Welcomed parents and JIPP13 students were Asst. Prof. Natthasuda Taephan, Ph.D., Dean of Faculty Psychology, Phot Dhammapeera, Ph.D., Director of JIPP, Prof. Jolanda Jetten, Ph.D., Head of the School of Psychology, and Miss Donna Guest, International Development Manager.
The event provided valuable insights into preparing for the Chula-UQ transfer, navigating studies and life in Brisbane at The University of Queensland, and the insights information from JIPP12 students. This event has sparked excitement as we embark on this academic journey together.

คณะจิตวิทยา ร่วมบริจาคเงินและเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้แก่ มูลนิธิเพื่อคนตาบอดแห่งประเทศไทย

 

นิสิต คณาจารย์ และบุคลากรคณะจิตวิทยา ร่วมบริจาคเงินและเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้แก่ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ภายใต้โครงการ ๕ สายธารแห่งความดี เราทำดีด้วยหัวใจ โดยสำนักบริหารกิจการนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567

 

การบรรยายความรู้เชิงจิตวิทยา เรื่อง Increasing Life Balance: Test Yourself and Get Tips for Better Stress & Burnout Management 

 

ศูนย์สุขภาวะทางจิต คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดกิจกรรมการบรรยายความรู้เชิงจิตวิทยาเพื่อส่งเสริมและพัฒนาสุขภาวะทางจิตบุคลากรของจุฬาฯ เรื่อง Increasing Life Balance: Test Yourself and Get Tips for Better Stress & Burnout Management ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการป้องกันสร้างเสริมสุขภาวะผ่านปัจจัยจิตวิทยาทางบวก เพื่อลดความเสี่ยงต่อความเครียดและภาวะหมดไฟของบุคลากรจุฬาฯ โดยได้รับการสนับสนุนจากศูนย์บริการสุขภาพแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้โครงการ CU Sustainable Well-being: เสริมสร้างสุขภาวะอย่างยั่งยืน

 

 

 

วิทยากร
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กุลยา พิสิษฐ์สังฆการ
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบุญ จารุเกษมทวี

อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00 – 12.00 น.
ณ ห้องประชุม ชั้น 20 อาคารเฉลิมราชกุมารี 60 พรรษา (อาคารจามจุรี 10) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

 

โครงการอบรมจิตวิทยาการบริหารจัดการความหลากหลายในองค์กร สำหรับผู้ดูแลและจัดการทรัพยากรบุคคล

 

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ

“จิตวิทยาการบริหารจัดการความหลากหลายในองค์กร สำหรับผู้ดูแลและจัดการทรัพยากรบุคคล”

 

 

 

 

คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมโครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ “จิตวิทยาการบริหารจัดการความหลากหลายในองค์กร สำหรับผู้ดูแลและจัดการทรัพยากรบุคคล” ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ ห้อง 614 ชั้น 6 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย อาจารย์ ดร.เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช ประธานแขนงวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวิทยากร

 

ในปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นยุคแห่งความหลากหลายและเท่าเทียมอย่างแท้จริง ถึงแม้บางเรื่องจะยังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่เห็นได้ว่าชุดความคิดของคนในสมัยนี้เริ่มถูกพัฒนาไปในทางที่ดีมากขึ้น ความชัดเจนเรื่องการมองทุกคนเท่ากัน เคารพเรื่องความแตกต่างที่หลากหลาย โดยไม่มีเรื่องของเพศ วัย สัญชาติหรืออะไรอื่น ๆ มาล้อมกรอบ ทุกคนเป็นคนเหมือนกันในฐานะเป็นคนของประชาคมโลก เมื่อการขับเคลื่อนของสังคมกำลังดำเนินไปในทิศทางดังกล่าว ในฐานะ HR จำเป็นต้องปรับความคิดและการบริหารให้เปลี่ยนไปตามบริบทของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในองค์กรเองซึ่งเป็นแหล่งรวมความหลากหลายแห่งใหญ่ การบริหารจัดการความหลากหลายในองค์กร (Diversity Management) จึงจำเป็นต้องทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากเลือกที่จะละเลย ท้ายสุดแล้วจากเรื่องเล็ก ๆ อาจทำให้เกิดความขัดแย้งขนาดใหญ่ภายในได้ เป็นหนึ่งในความท้าทายและเป็นโอกาสในการพัฒนาองค์กรนั่นเอง

 

การบริการและจัดการความหลากหลายในองค์กรเป็นแนวทางที่สำคัญที่ช่วยสร้างสรรค์สังคมที่มีความทุ่มเททั้งในด้านกายภาพและจิตใจของพนักงาน การจัดการความหลากหลายให้ได้ผลเต็มประสิทธิภาพต้องเป็นกระบวนการที่ผ่านการวางแผนและปฏิบัติที่รอบคอบ นอกจากนี้ยังต้องมีการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่นและรับรู้ความหลากหลายอย่างเต็มที่

 

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ “จิตวิทยาการบริการจัดการความหลากหลายในองค์กร สำหรับผู้ดูแลและจัดการทรัพยากรบุคคล (Diversity Management in Organizations for Human Resources)” จึงเป็นโครงการสำหรับผู้สำหรับผู้ดูแลและจัดการทรัพยากรบุคคลที่ต้องเข้าใจในพื้นฐานของการบริการจัดการความหลากหลายในองค์กร โดยมุ่งเน้นการศึกษาไปยังแนวทางการบริการและจัดการความหลากหลายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทำงานที่เต็มไปด้วยความคุ้มค่าและความหลากหลายที่เป็นประโยชน์ทั้งสำหรับองค์กรและพนักงาน

 

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเกียรติบัตรการเข้าร่วมโครงการจากคณะจิตวิทยา

 

 

วิธีการฝึกอบรม
  • การบรรยายและฝึกปฏิบัติ ระยะเวลา 6 ชั่วโมง เวลา 9.00 – 16.00 น.
    วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567

 

สถานที่ฝึกอบรม
  • ห้อง 614 ชั้น 6 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

 

การอบรมมีอัตราค่าลงทะเบียน ท่านละ 5,500 บาท

ราคานี้รวมค่าอาหารกลางวัน อาหารว่าง เอกสารประกอบการอบรม และวุฒิบัตร

 

 

 

เงื่อนไขการลงทะเบียน
  1. กรุณาชำระค่าลงทะเบียนเข้าร่วมงานก่อนกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน
  2. การส่งแบบฟอร์มลงทะเบียน จะต้องแนบหลักฐานการชำระเงินค่าลงทะเบียนมาด้วย จึงจะถือว่าการลงทะเบียนสมบูรณ์
  3. เมื่อผู้จัดงานได้ตรวจสอบการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งยืนยันการลงทะเบียนให้ทราบภายใน 3 วันทำการ
  4. บุคลากรของรัฐและหน่วยงานราชการที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว สามารถเข้าร่วมการอบรมได้โดยไม่ถือเป็นวันลา และมีสิทธิเบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบของทางราชการ
  5. ใบเสร็จรับเงินจะจัดส่งให้ทางไปรษณีย์
  6. เมื่อชำระเงินค่าลงทะเบียนแล้ว จะไม่สามารถขอรับเงินคืนได้ทุกกรณี

 

 

 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณวาทินี โทร. 02-218-1307 E-mail: wathinee.s@chula.ac.th

 

 

Boosting Research Impact Series Vol.1:

ขอเชิญเข้าร่วมฟังการนำเสนอ และแลกเปลี่ยนความรู้จากผลงานวิจัยในหัวข้อจิตวิทยาภาษาศาสตร์และการใช้สองภาษา ภายใต้โครงการ “Research Project Talk” ครั้งที่ 1 ในวันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 9.00-10.00 น. ทางออนไลน์ (Zoom)

 

วิทยากร:
  • อาจารย์ ดร.สุภสิรี จันทวรินทร์
    ประธานแขนงวิชาจิตวิทยาปริชาน
  • ดร. ศิรดา โรจนวิภาต
    นักวิจัยหลังปริญญาเอกด้านจิตวิทยาภาษาศาสตร์

 

Dive into the world of Psycholinguistics & Bilingualism with the “Research Project Talk” online talk featuring
  • Dr. Suphasiree Chantavarin (Head of Cognitive Psychology at Chulalongkorn University) &
  • Dr. Sirada Rochanavibhata (Postdoctoral Fellow at Northwestern University)

 

Date: Thursday, February 22, 2024
Time: 9:00 AM – 10:00 AM (Thailand Time)
Location: Zoom (Online session in English)

 

 

* Zoom details will be emailed to registered participants.

 

Registration: FREE! Whether you’re a student, researcher, or simply interested in the subject matter, this is an opportunity not to be missed! Secure your spot now via – –

 

รักตามวิถี ACT

 

เทศกาลวาเลนไทน์ที่ใกล้จะมาถึง อาจทำให้หลาย ๆ คนที่เห็นคุณค่าให้ความสำคัญกับความรักนึกอยากใช้เทศกาลนี้ในการบอกรักหรือเติมความหวานให้กับรักที่มี คนโสดอาจนึกอยากลองเปิดใจ เปิดรับความรักครั้งใหม่เข้ามา หรือใครที่อยู่ในความสัมพันธ์อยู่แล้ว ก็อาจอยากชวนคู่มาทำอะไรดี ๆ ที่เติมเต็มความสดใสให้ความรัก แค่คิดถึงโอกาสดี ๆ เหล่านี้ก็อาจทำให้หลายคนใจฟู รอวันวาเลนไทน์แทบจะไม่ไหวเลยทีเดียว

 

แม้จะตื่นเต้นกับความรัก แต่ก็อาจจะอีกเสียงหนึ่งในใจของหลายคนที่เข้ามาสกัดไม่ให้ความสดใสเกิดขึ้นได้เต็มที่ หลายคนที่อยากมีรักใหม่ อาจลังเลเพราะเสียงของความไม่มั่นใจว่าตัวเองมีค่าคู่ควรความรักหรือคนที่รักหรือไม่ เสียงเหล่านั้นอาจย้ำเตือนถึงเรื่องราวความล้มเหลวของรักในอดีต หรือคาดเดาถึงปัญหาอุปสรรคที่จะเจอในอนาคต ทำให้หลายคนนึกกลัว จนล้มเลิกความตั้งใจในการบ่มเพาะรักครั้งใหม่ขึ้นมา

 

สำหรับคู่ที่อยู่ในความรักแล้ว เสียงที่บั่นทอนอาจเข้ามาในรูปแบบของความต้องการความสมบูรณ์แบบของทั้งตัวเองหรือคู่รัก บางเสียงอาจดึงเราให้ติดกับของความคาดหวังในความสัมพันธ์ รักของเจ้าชายเจ้าหญิงในเทพนิยายดูง่ายดายเหมือนมีด้ายแดงมาผูกไว้ จนหลายคนรู้สึกว่า ถ้าเราเจอคู่แท้ ความรักจะสะดวกดาย ไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ก็ได้ จนหลายคู่ลดถอยความพยายามไป สำหรับบางคู่ที่พร้อมจะออกแรง ก็อาจจะถูกรั้งเอาไว้ให้เก้ ๆ กัง ๆ ด้วยเสียงบั่นทอนชวนให้นึกถึงความแตกต่างระหว่างกัน ประเด็นปัญหาที่เคยมี ความทรงจำแย่ ๆ ถึงเรื่องที่คู่หรือตัวเองเคยทำ จนเกิดความลังเลสงสัย ไม่มั่นใจว่าจะทำให้รักดีขึ้นได้หรือไม่ กลายเป็นความกลัว ๆ กล้า ๆ พาให้รักได้ไม่เต็มที่ จนคู่เองก็อาจพลอยเกร็ง ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าขับเคลื่อนความรักต่อไปได้อย่างเต็มที่

 

หากรักใหม่ของคุณไม่เริ่ม หรือรักเดิมไม่เดินต่อ การปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบยอมรับและพันธสัญญา (Acceptance and Commitment Therapy) อาจช่วยได้นะคะ การปรึกษานี้หรือที่เรียกสั้น ๆ ตามอักษรย่อว่า ACT (ออกเสียงรวบเป็นคำเดียวว่า “แอคท์” ซึ่งสื่อความหมายถึง “การลงมือทำ”) มีเป้าหมายในการช่วยให้เราได้ลงมือใช้ชีวิตไปตามคุณค่า (Value) ที่มี แม้จะมีบางเสียงในใจเข้ามารบกวนหรือดึงรั้งไว้ ในเรื่องของความรักนั้น หากคุณให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ฉันคู่รักแล้ว ACT จะช่วยความเตรียมพร้อมให้คุณลงมือเริ่มหรือพัฒนาความสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะยังมีเสียงในใจ ประสบการณ์ ความทรงจำ ความคาดหวัง หรืออารมณ์ความรู้สึกที่บั่นทอนการทำตามคุณค่านี้

 

ACT เป็นคลื่นลูกใหม่ลูกที่สามของแนวคิดการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบปัญญาพฤติกรรมนิยม (Cognitive Behavioral Therapy) ACT นับเป็นแนวคิดใหม่ แต่มีงานวิจัยรองรับถึงประสิทธิผลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ACT คล้ายกับ CBT ในแง่ที่ต่างให้ความสำคัญกับความคิดและความเชื่อที่เรามี หากแต่ ACT มีวิธีการจัดการความคิดความเชื่อแตกต่างไป แทนที่จะโต้แย้งหักล้างความคิดบั่นทอนที่เกิดขึ้น ACT มุ่งเน้นช่วยให้เราได้เว้นระยะห่าง สังเกตและตระหนักว่าความคิดที่บั่นทอนเป็นเพียงความคิดที่เลื่อนไหลเข้ามา มีการเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณค่าที่เรามี ดังนั้น แทนที่จะหลอมรวมตกอยู่ใต้อิทธิพลของความคิด ใช้เวลาโต้เถียงต่อสู้กับกับความคิดที่มี หรือรอจนกว่าความคิดที่บั่นทอนจะหมดไป ACT จะช่วยให้เราได้ฝึกเปิดพื้นที่ให้ความคิด ความทรงจำ ความลังเลสงสัย หรืออารมณ์ความรู้สึกใด ๆ โดยไม่ปฏิเสธ หากแต่ฝึกฝนกลวิธีในการจัดวางให้ประสบการณ์ภายในจิตใจเหล่านี้อยู่ในที่ในทางของตัวเอง ไม่เข้ามารบกวนบั่นทอนการใช้ชีวิตตามคุณค่าที่เรามีได้

 

มีหลักฐานการวิจัยจำนวนมากสนับสนุนประสิทธิผลของ ACT ในการช่วยให้บุคคลใช้ชีวิตอย่างมีความหมายในมิติต่าง ๆ ของชีวิต โดยรวมถึงความรักด้วยค่ะ หากผู้อ่านสนใจอยากลองใช้ ACT เติมเต็มความหมายในชีวิตรักของคุณ และต้องการการสนับสนุนจากนักจิตวิทยา สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ศูนย์สุขภาวะทางจิต คณะจิตวิทยา หมายเลขติดต่อ 02-218-1171 มาลองลงมือรักให้เต็มที่ตามวิถีของ ACT กันนะคะ

 

 

 


 

 

บทความโดย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กุลยา พิสิษฐ์สังฆการ
อาจารย์ประจำสาขาวิชาจิตวิทยาการปรึกษา

 

คณะจิตวิทยาต้อนรับ Dr. Lee Dong Hun, Professor จาก SKKU

 

 

คณะจิตวิทยาได้ต้อนรับและหารือความร่วมมือทางวิชาการกับ Dr. Lee Dong Hun, Professor จาก Department of Education, Sungkyunkwan University (SKKU) and Committee Chair of Public Policy and Crisis Support ของ Korean Counseling Psychology Association, ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา

 

การเหยียดเพศแบบปกป้องเทิดทูน

 

การเหยียดเพศที่เป็นปัญหาที่รู้จักและกล่าวถึงกันโดยทั่วไปมักหมายถึงความเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้หญิง ความโกรธและรังเกียจเดียดฉันท์ผู้หญิง (hostile sexism) ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้ในเกือบจะทุกยุคและทุกวัฒนธรรมที่ผู้หญิงถูกจำกัดให้มีบทบาททางสังคมที่ด้อยกว่าผู้ชาย หลักฐานที่ปรากฏในโลกปัจจุบันก็มีเป็นต้นว่าผู้หญิงยังคงเผชิญกับอคติในการรับเข้าทำงาน ตลอดจนการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง และยังคงถูกราวีทางเพศในที่ทำงาน รวมทั้งถูกรับรู้ว่าเป็นผู้นำที่ด้อยกว่าผู้นำเพศชายในโลกการเมืองและธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับความก้าวร้าวรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงที่เกิดขึ้นบ่อยอย่างน่าเป็นห่วง

 

วงการจิตวิทยาเชื่อกันว่าการเหยียดเพศมิได้สะท้อนถึงความเป็นปรปักษ์ต่อผู้หญิงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการเหยียดเพศที่สำคัญอีกด้านหนึ่งด้วย ได้แก่ ความรู้สึกทางบวกต่อผู้หญิงที่มักเกิดควบคู่กับความชิงชัง ท่านคงสงสัยว่าความรู้สึกทางบวก ความปรารถนาจะปกป้องและเทิดทูนถือเป็นการเหยียดเพศได้อย่างไร คำอธิบายก็คือเป็นการมองผู้หญิงอย่างเหมารวม เป็นภาพในความคิดเกี่ยวกับผู้หญิงทั้งปวงว่าสมควรมีบทบาทที่จำกัดเฉพาะในบ้านในครอบครัว เพื่อเป็นคู่รัก เป็นภรรยา เป็นแม่ เป็นเพศที่น่าเคารพบูชา เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ผุดผ่อง และต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองโดยผู้ชาย

 

การยกผู้หญิงไว้บนหิ้งให้เทิดทูนและปกป้องไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งดี เพราะแม้ว่าจะทำให้ถูกมองด้วยความรู้สึกทางบวก แต่ก็ยังคงเป็นการตอกย้ำให้ผู้หญิงอยู่ในบทบาทที่จำกัดเฉพาะบริบทในครัวเรือน และภายใต้อำนาจเหนือกว่าของความเป็นชาย เช่น ผู้ชายคือผู้ทำมาหาเลี้ยงและผู้หญิงต้องอาศัยผู้ชาย ซึ่งผลที่ติดตามมาคือสถานภาพที่ต่ำต้อยย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย ยิ่งไปกว่านี้ผู้ที่ถูกเหยียดทางเพศมักไม่รับรู้ว่าเป็นการเหยียดเพศด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งอาจกล่าวชมเพื่อนร่วมงานของเขาที่เป็นผู้หญิงว่า “วันนี้คุณดูน่ารักจัง” ซึ่งไม่ว่าจะพูดด้วยเจตนาดีเพียงใดก็ตาม ก็อาจกลายเป็นการกัดกร่อนและทำลายความรู้สึกของเธอในการเป็นที่ยอมรับอย่างจริงจังในเชิงอาชีพได้

 

กลุ่มชนที่มีลักษณะทางกายภาพแตกต่างกันมักมีความเป็นปฏิปักษ์และมีอคติต่อกัน ความจริงข้อนี้เป็นที่ประจักษ์กันดีอยู่ แต่ความแตกต่างทางชีวภาพของชายหญิงเป็นสถานการณ์ที่พิเศษไม่เหมือนความผิดแผกระหว่างกลุ่มอื่น ๆ เนื่องจากผู้ชายต้องอาศัยผู้หญิงเพื่อมีทายาทสืบทอดเชื้อสาย และเพื่อสนองความต้องการทางเพศ อีกทั้งผู้ชายอาจแสวงหาการเติมเต็มให้กับความต้องการใกล้ชิดทางจิตใจจากผู้หญิงด้วย โดยอาจเป็นเพราะไม่สามารถสนองความต้องการนี้ได้ง่ายนักจากผู้ชายด้วยกันเองผู้ซึ่งมักเป็นคู่แข่งที่คอยแก่งแย่งฐานะและทรัพยากรตลอดเวลา ดังนั้นจึงอาจมองได้ว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายมีอำนาจในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน อำนาจของผู้หญิงในความสัมพันธ์ภายในคู่สะท้อนให้เห็นได้ในอุดมการณ์ของสังคม เป็นต้นว่าเจตคติปกป้องคุ้มครองผู้หญิง การให้เกียรติยกย่องบทบาทความเป็นแม่และภรรยา และการมีภาพของหญิงผู้เป็นคู่รักคู่เสน่หาในอุดมคติ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือนิยามของลักษณะการเหยียดเพศในทางบวกนั่นเอง

 

แม้ว่าการเหยียดเพศแบบปกป้องเทิดทูน (benevolent sexism) นี้จะให้ความรู้สึกว่าเป็นการมองผู้หญิงในทางบวก แต่ก็เป็นการยึดถือสมมติฐานเดียวกับการเหยียดเพศแบบเป็นปฏิปักษ์ นั่นคือเชื่อว่าผู้หญิงยึดครองบทบาทที่จำกัดในครอบครัว และเป็นเพศที่ “อ่อนแอกว่า” ไร้ความสามารถที่จะใช้อำนาจในสถาบันทางเศรษฐกิจ กฎหมาย และการเมือง ดังนั้นทั้งการเหยียดเพศแบบเป็นปฏิปักษ์และแบบปกป้องเทิดทูนต่างก็ทำหน้าที่อธิบายให้ความชอบธรรมแก่ผู้ชาย ให้ข้ออ้างว่าผู้ชายต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายมีอำนาจควบคุมโครงสร้างทางสังคม

 

นักจิตวิทยาได้สร้างมาตรวัดการเหยียดเพศแบบปกป้องเทิดทูนขึ้นมาทำนองเดียวกับแบบเป็นปฏิปักษ์ ลองอ่านดูแล้วตอบว่าเห็นด้วยกับประโยคเหล่านี้บ้างไหมนะคะ

  1. เมื่อเกิดภัยพิบัติ ผู้หญิงควรจะได้รับความช่วยเหลือก่อนผู้ชาย
  2. ผู้หญิงจำนวนมากมีคุณสมบัติของความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่ผู้ชายน้อยคนมี
  3. ผู้ชายควรเต็มใจเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อดูแลรับผิดชอบทางการเงินให้ผู้หญิงในชีวิตของเขา
  4. ผู้ชายจะไม่สมบูรณ์หากปราศจากผู้หญิง
  5. เมื่อเทียบกับผู้ชายแล้ว ผู้หญิงมักมีสำนึกในวัฒนธรรมที่ละเมียดละไมกว่าและมีรสนิยมดีกว่า

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ ท่านเห็นด้วยกับประโยคเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งเห็นด้วยมากก็แปลว่ายิ่งเหยียดเพศสูงค่ะ

 

 

 

นักจิตวิทยาเสนอว่าการเหยียดเพศทั้งด้านลบและด้านบวกมีองค์ประกอบสามองค์ประกอบร่วมกัน

 

องค์ประกอบแรก คือ ลักษณะลัทธิความสัมพันธ์แบบพ่อปกครองลูก เพราะมีทั้งอำนาจเหนือกว่าและความรักความคุ้มครอง บรรดาผู้สนับสนุนการเหยียดเพศอ้างว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงมีความเป็นผู้ใหญ่ไม่เพียงพอ จึงต้องให้ผู้ชายมาควบคุม และผนวกกับการที่ผู้ชายต้องพึ่งพาผู้หญิงให้มามีความสัมพันธ์ในฐานะภรรยา แม่ หรือคู่รัก จึงต้องการทะนุถนอมปกป้องดูแลผู้หญิง

 

องค์ประกอบที่สอง คือ การจำแนกบทบาททางเพศ ซึ่งหมายถึงการมองว่าผู้ชายเท่านั้นที่มีคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการบริหารสถาบันหลัก ๆ ในสังคม และนอกจากนี้ผู้เหยียดเพศก็เชื่อว่าผู้หญิงมีคุณลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนผู้ชายแต่เป็นส่วนประกอบที่เติมเต็มให้ผู้ชายสมบูรณ์พร้อมด้วย

 

องค์ประกอบที่สาม คือ ความลุ่มหลงเสน่หาระหว่างเพศ ซึ่งมีทั้งการที่ผู้ชายปรารถนาจะใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงอย่างจริงใจ และความก้าวร้าวรุนแรงต่อผู้หญิง โดยการที่ผู้ชายซึ่งเป็นฝ่ายที่มีอำนาจมากกว่าต้องขึ้นอยู่กับผู้หญิงเพื่อสนองความต้องการทางเพศอาจเป็นสภาวะที่ทำให้ผู้ชายแค้นใจ ดังนั้นความดึงดูดใจต่อผู้หญิงอาจไม่สามารถแยกออกจากความปรารถนาจะมีอำนาจเหนือผู้หญิงได้

 

 

มีการวิจัยที่ให้ผู้คนจาก 19 ประเทศ จำนวนทั้งสิ้นกว่า 15,000 คนตอบมาตรวัดการเหยียดเพศทำนองเดียวกับที่ท่านได้ตอบไปก่อนหน้าในสัปดาห์นี้ พบว่าประเทศที่มีการเหยียดเพศแบบเป็นปฏิปักษ์สูงก็จะมีระดับการเหยียดเพศแบบปกป้องเทิดทูนสูงด้วย และบุคคลที่เหยียดเพศแบบหนึ่งแบบใดสูงก็มีแนวโน้มที่จะเหยียดเพศอีกแบบหนึ่งสูงด้วย

 

การเหยียดเพศทางด้านบวกหรือเรียกว่าแบบปกป้องเทิดทูนผู้หญิงนั้น แม้จะไม่เข้าข่ายเป็นอคติแต่ก็ไม่จัดว่าเป็นเรื่องน่าพึงปรารถนา แม้ว่าจะดูไม่มีพิษภัย ดูเป็นสุภาพบุรุษดี หรือแม้กระทั่งโรแมนติกด้วย แต่ก็อาจส่งผลเสียหายร้ายแรง เพราะเป็นอุดมการณ์ที่สนับสนุนความไม่เสมอภาคระหว่างเพศ และมักแอบแฝงซ่อนเร้น เช่นการอ้างว่า “ผู้หญิงควรละทิ้งอาชีพเพราะมีความเป็นเลิศในการดูแลเด็ก” อาจเป็นที่ยอมรับมากกว่าการกล่าวว่า “ผู้หญิงควรละทิ้งอาชีพเพราะขาดความสามารถ” การวิจัยพบว่าผู้หญิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการเหยียดเพศแบบเป็นปรปักษ์สูงมักปฏิเสธการเหยียดเพศแบบเป็นปรปักษ์แต่มักเห็นด้วยกับการเหยียดเพศแบบปกป้องเทิดทูน

 

นอกจากนี้ยังพบว่าการเหยียดเพศแบบเป็นปรปักษ์สัมพันธ์กับการยอมรับความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการข่มขืน เช่นเชื่อว่าผู้หญิงพอใจกับการถูกข่มขืน หรือเชื่อว่าหากผู้หญิงพยายามจริง ๆ แล้วจะสามารถสู้และต่อต้านการข่มขืนได้ เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ที่เชื่อว่าผู้หญิงมีคุณลักษณะที่แตกต่างแต่เติมเต็มให้ผู้ชายก็มีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการข่มขืนเช่นกัน

 

การเหยียดเพศเป็นเรื่องที่สมควรได้รับความสนใจอย่างยิ่งเลยนะคะ

 

 


 

 

บทสารคดีทางวิทยุ รายการ “จิตวิทยาเพื่อคุณ”
โดย อาจารย์จรุงกุล บูรพวงศ์ (2548)
ออกอากาศ ณ สถานีวิทยุจุฬาฯ FM 101.5 MHz