ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมติดการพนันของวัยรุ่นไทย

15 Sep 2020

บริการวิชาการ

 

: กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยนี้คือ นิสิตนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาบัณฑิต ชั้นปีที่ 1-4 ในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในกำกับของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา เขตกรุงเทพมหานคร อายุระหว่าง 18-21 ปี โดยเป็นผู้มีพฤติกรรมติดการพนัน 250 คน (ชาย 126 คน หญิง 124 คน) และไม่มีพฤติกรรมติดการพนัน 250 คน (ชาย 125 คน หญิง 125 คน)

 

ทั้งนี้ พฤติกรรมติดการพนันหมายถึง การเล่นพนัน 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จนถึงเล่นพนันทุกวัน

 

“ปัจจัยทางสังคม” ได้แก่

 

ตัวแบบพ่อแม่ – หากวัยรุ่นมีพ่อแม่เล่นการพนันทั้งคู่ หรือมีแม่เล่นการพนัน โอกาสที่วัยรุ่นจะมีพฤติกรรมติดการพนันสูงกว่าวัยรุ่นที่พ่อแม่ไม่เล่นการพนันทั้งคู่หรือพ่อเล่นการพนัน อาจเนื่องมาจากลูกมีความสนิทและใกล้ชิดกับแม่มากกว่าพ่อ

 

ตัวแบบเพื่อนสนิท – การมีเพื่อนสนิทที่เล่นการพนันทำให้เกิดโอกาสที่จะมีพฤติกรรมติดการพนันสูงขึ้น เนื่องจากเพื่อนสนิทมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเลียนแบบพฤติกรรมของวัยรุ่น โดยเฉพาะเมื่อเป็นคู่เพื่อนสนิทใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ด้วยกัน และมีประสบการณ์ชีวิตในลักษณะเดียวกัน (เช่น มีพัฒนาการทางร่างกายในระดับเดียวกัน มีสัมพันธภาพที่ไม่ดีกับพ่อแม่เหมือนกัน)

 

ผลการเรียน – หากวัยรุ่นมีผลการเรียนต่ำ โอกาสที่วัยรุ่นจะมีพฤติกรรมติดพนันสูงขึ้น ทั้งนี้เพราะการเอาใจใส่ต่อการเรียนมีแนวโน้มจะทำให้นักเรียนมีเวลาทำพฤติกรรมไม่ดีน้อยลง รวมถึงการเล่นพนันด้วย

 

“ปัจจัยทางจิตวิทยา” ได้แก่

 

แหล่งการควบคุมตน – บุคคลที่มีพฤติกรรมติดการพนันมีแนวโน้มเชื่ออำนาจภายนอกตนสูง กล่าวคือ ผู้ที่มีพฤติกรรมติดการพนันเชื่อว่าตนจะมีเงินทองมาจับจ่ายใช้สอยได้ก็ด้วยการเล่นพนัน ซึ่งต้องอาศัยโชค เคราะห์ หรือดวง แทนการพยายามหางานทำเพื่อให้ได้เงินมาจับจ่ายใช้สอย

 

การขาดการยั้งคิด – บุคคลที่มีพฤติกรรมขาดการยั้งคิดสูง (คือมักแก้ปัญหาด้วยการตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยไม่ได้ประเมินถึงผลลัพธ์ต่างๆ อย่างรอบคอบ ขาดความอดทน) โอกาสที่จะมีพฤติกรรมติดการพนันย่อมสูงขึ้นด้วย

 

นอกจากนี้ งานวิจัยนี้ได้ตรวจสอบอิทธิพลของ เพศ การเห็นคุณค่าในตนเอง และความรู้สึกแสวงหาสิ่งตื่นเต้นเร้าใจ อีกด้วย แต่ไม่พบว่าปัจจัยดังกล่าวมีส่วนสัมพันธ์กับพฤติกรรมติดการพนัน

 

 

ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันวัยรุ่นไทยจากการพนัน

 

  1. ควรหาทางป้องกันการเล่นพนันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบเกมออนไลน์ และการพนันทายผลกีฬา ซึ่งการพนันประเภทนี้จะดึงดูดกลุ่มประชากรเพศชายที่มีอายุน้อย เช่น ในโรงเรียนควรสอนเรื่องทฤษฎีความน่าจะเป็น (ซึ่งเป็นเรื่องที่มีอยู่แล้วในวิชาคณิตศาสตร์ หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น) ควบคู่กับเรื่องการเล่นพนัน เพื่อชี้ให้เด็กเห็นว่าโอกาสการชนะพนันนั้นมีน้อยมาก
  2. ไม่ควรถ่ายทอดสดการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลและโฆษณาเกี่ยวกับสลากกินแบ่งรัฐบาลทางสื่อโทรทัศน์ เนื่องจากเป็นเสื่อที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่

 

 


 

รายการอ้างอิง

 

“ปัจจัยคัดสรรที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมติดการพนันของวัยรุ่นตอนปลาย ในกรุงเทพมหานคร”
“Selected factors related to gambling addicted behavior of late adolescents in Bangkok”

วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.) สาขาวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2546)
โดย นางสาวภัทรพร แจ่มใส
ที่ปรึกษา รศ.ศิรางค์ ทับสายทอง
วิทยานิพนธ์ฉบับเต็ม http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/9159

 

ภาพประกอบจาก http://www.freepik.com

แชร์คอนเท็นต์นี้