เราคงทราบกันดีว่า การจะมีความรักกับใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ที่ยากกว่าการได้มาซึ่งความรักก็คือ การรักษาชีวิตรักให้สดใสยั่งยืน เรื่องของความรักเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ จะคิดว่าเป็นของตายอยู่ในมือแล้วจะทำเผลอไผล ลืมเลือนไปบ้างน่ะ… ไม่ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นกว่าจะรู้ตัวก็อาจจะสายไปเสียแล้ว
“ใส่ใจกับความรักเพียงวันละนิด แล้วชีวิตจะสดใสไปอีกนานแสนนาน”
เรื่องแรกที่เราควรใส่ใจ นั่นคือ เราต้องทำให้ความรักที่มีเป็นความรักที่แข็งแรง ซึ่งจะทำได้ก็ด้วยคาถาบทนี้ ท่องไว้เลยนะคะ “เราจะเคารพและให้เกียรติกัน” อันนี้ไม่ถึงกับต้องกราบมือกราบเท้ากันทุกวี่ทุกวันนะคะ การเคารพและให้เกียรติกันในความรัก คือการเชื่อใจและให้อิสระต่อกัน ไม่พยายามบังคับจิตใจกันให้ต้องยอมทำตามเราทั้งที่เขาไม่ชอบหรือไม่สบายใจ ตรงนี้สำคัญมาก บางคนชอบทดสอบความรักด้วยการ “เรียกร้อง” ให้อีกฝ่ายทำตามที่เราต้องการ โดยไม่คำนึงว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร หรือกำลังติดงานอะไรอยู่ คิดแต่ว่า “ถ้ารักกันก็ต้องทำให้กันได้” หรือ “ถ้าไม่ทำให้แปลว่าไม่รัก” แรกรักกันใหม่ ๆ ก็คงยอมตามใจกัน แต่คนเรามีศักดิ์ศรี มีความเป็นตัวของตัวเองกันทั้งนั้น ถ้าเราคิดแต่ความสุข ความต้องการ ความสบายใจของเราเพียงฝ่ายเดียว นั่นก็หมายความว่าเรากำลังไม่ใส่ใจกับคนที่รักแล้วนะคะ แล้วเจ้าความไม่สบายใจ อึดอัดใจ หงุดหงิดใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ที่เราทยอยใส่ลงไปในหัวใจของคนรักวันละนิดวันละหน่อยนี่ล่ะค่ะที่จะสะสมเป็นพิษร้ายกัดกร่อนความรักอันแสนหวานของเรา ลบล้างความดีงาม ความสดใสของความรักลงไปทีละนิด กว่าจะรู้ตัวก็อาจจะแก้ไขอะไรได้ลำบาก
การ “เคารพและให้เกียรติกัน” ต้องทำอย่างไรบ้าง?
ขั้นแรกคือ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยปกติแล้ว คนรักกันก็มักจะสนิทสนม รู้ใจกันดีอยู่แล้ว และเมื่อรู้ใจกัน รู้ว่าเขาชอบ-ไม่ชอบอะไร การเอาใจเขามาใส่ใจเราก็ไม่ใช่เรื่องยาก พูดง่าย ๆ ก็คือเราควรรู้ใจเขาและพยายามใส่ใจในความสุขความสบายใจของคนรัก โดยที่เราเองก็ต้องมีความสุขกับการเอาใจเขาด้วยนะคะ ไม่ใช่ต้องฝืนใจทุกข์ใจ โดยสรุปก็คือขอให้ “ทำในสิ่งที่เขาชอบ และไม่ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ โดยที่เราเองก็ยังรู้สึกสบาย ๆ ไม่กดดันตัวเองจนมากเกินไป” คือเราควรจะพยายามเข้าใจความรู้สึก ความต้องการของคนรัก สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้อย่างเปิดใจ หากจะมีข้อขัดแย้งกันหรือเมื่อเราต้องทำอะไรที่อาจจะทำให้คนที่รักไม่สบายใจ ก็ต้องมีการพูดคุยกัน มีการระมัดระวังความรู้สึกของกันและกัน ต้องผ่อนหนักผ่อนเบาและถนอมน้ำใจกันให้มากเข้าไว้ ใคร ๆ ก็อยากรู้สึกสบายใจกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับคนที่รัก ถ้าเราอยู่ใกล้ใครแล้วมีแต่ความสบายใจ รับรองว่าไม่มีการหนีหายไปไหนหรอกค่ะ ถ้าคู่รักคู่ไหนทำสิ่งเหล่านี้ให้กันได้ การันตีเลยค่ะว่าคุณทั้งสองจะได้ช่วยกันเติมความสดใสให้กับความรักได้อย่างแน่นอน
เหมือนตัวอย่างที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า “แฟนผมเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เธอเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดี ที่น่ารักคือเธอรู้ใจว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เธอจะคอยนึกหาอะไรสนุก ๆ มาทำร่วมกันในวันหยุดได้ตลอด บางทีก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไม่ก็ไปดูหนังดี ๆ ขับรถไปลองทานอาหารที่ร้านอาหารใหม่ ๆ หาอาหารอร่อยๆทานนอกบ้านกัน หรือบางครั้งที่ผมเหนื่อยกับงานเธอก็จะชวนผมนั่งเล่นนอนเล่น ดู TV อยู่บ้าน หรืออ่านหนังสือกันเงียบ ๆ ทำกับข้าวง่าย ๆ ทานกันเองที่บ้าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ทะเลาะกันเลยนะครับ มันก็มีบ้างแต่ที่สำคัญคือเวลาขัดแย้งกัน เราจะคุยกันให้เข้าใจและพยายามถนอมน้ำใจกัน ผมว่าเธอช่วยเติมแต่งชีวิตรักของเราได้อย่างดีเลยครับ ผมมีความสุขมากที่มีเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต” น่าปลื้มใจนะคะ ถ้าคนรักของเราจะชื่นชมเราได้อย่างนี้ นี่ล่ะค่ะ คาถาของการ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”
นอกจากจะ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” คอยใส่ใจในความต้องการ ความสบายใจของกันและกันแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากไม่แพ้กัน คือ อย่าฉีกหน้า หรือทำให้คนรักเสียหน้า เสียฟอร์มต่อหน้าคนอื่น ยังไงก็รักษาหน้ากันไว้บ้าง อย่าทำให้เขารู้สึกอับอาย รู้สึกด้อยค่า รู้สึกเสียความมั่นใจต่อหน้าคนอื่น ถ้าจะมีข้อขัดแย้งกัน ก็ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างเราสองคน มีอะไรก็ค่อยมาพูดจา มาตกลงกันที่บ้าน แต่อย่าสร้างความกดดันหรือแสดงอำนาจข่มคนรักในที่สาธารณะหรือต่อหน้าบุคคลอื่น โดยเฉพาะในที่ทำงานของแต่ละฝ่าย ที่ทำงานนี่ถือเป็นที่ต้องห้ามเลยนะคะ อย่าแสดงอำนาจข่มคนรัก หรือทำให้เขาต้องรู้สึกอาย หรือเสียหน้าในที่ทำงานโดยเด็ดขาด ขอบอกชัด ๆ เลยค่ะว่า การรู้สึกว่าคนรักดูถูก แสดงอำนาจข่ม หรือไม่ให้เกียรติเราต่อหน้าคนอื่นนั้น หากเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ จะมีผลร้ายต่อความรักอย่างมากขนาดที่คุณนึกไม่ถึงเลยล่ะค่ะ หลายคู่ถึงกับเลิกกันมาแล้วเพียงเพราะสาเหตุนี้นะคะ
นอกจากจะระวังไม่ทำอะไร ๆ ในด้านลบ คือ การไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติกันแล้ว ก็ต้องเพิ่มการกระทำในด้านบวกควบคู่ไปด้วยคือ ต้องมีการกระทำที่แสดงถึงการยกย่องให้เกียรติกัน ทั้งเวลาที่อยู่ด้วยกันหรืออยู่ต่อหน้าคนอื่น มีการให้ความสำคัญต่อคนรัก และให้อิสระต่อกัน แล้วก็อย่าลืมคาถา “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” นะคะ คือต้องพยายามรู้ใจกันให้มากขึ้น มีการเอาอกเอาใจกัน ทำในสิ่งที่เขาชอบ เช่น ชวนกันไปเที่ยว ไปทานอาหาร ไปทำอะไร ๆ ที่รู้ว่าเขาชอบบ้าง อยากให้ความรักสดใสต้องใส่ใจกับความสุข ความสบายใจของคนที่รักนะคะ อย่ามัวเอาแต่ใจตัวเอง เวลาที่เราเห็นคนรักมีความสุข สบายใจ เราก็จะพลอยมีความสุขและสบายใจไปด้วย จริงไหมคะ
“ความหึงหวง”
สาวคนหนึ่งเคยเล่าว่า “แฟนของหนูอะไรก็ดีหมดนะคะ เป็นคนมีการศึกษาดี การงานดี ฐานะดี น่ารัก ตามใจ เอาใจหนูทุกอย่าง พ่อแม่หนูก็ชอบพี่เค้ามาก แต่เค้าเป็นคนขี้หึงมากค่ะ หนูมองใครไม่ได้เลย เค้าจะอาละวาด ประชดประชัน หาว่าหนูไม่รักบ้างละ จะหนีไปหาผู้ชายอื่นบ้างละ ไปไหนกันหนูก็ต้องคอยระวังไม่มองใคร หนูอึดอัดมากค่ะ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เกร็งไปหมด ไม่มีความสุขเลย ไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหน นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานกันเค้ายังคุมหนูขนาดนี้ ถ้าแต่งกันไปแล้วชีวิตหนูจะเป็นยังไง ทำไมเค้าไม่เชื่อใจหนูบ้างเลย”
นี่ละค่ะ ฤทธิของความหึงหวง
เพราะฉะนั้น หากอยากให้ความรักสดใสต้องระมัดระวังเรื่องความหึงหวงให้มากค่ะ ความหึงหวงจะทำให้คนรักรู้สึกว่าเราไม่ให้เกียรติ ไม้ไว้ใจ ไม่ให้อิสระ และที่สำคัญคือ นานครั้งเข้ามันก็จะกลายเป็นเรื่องอึดอัดใจ น่าเบื่อ น่ารำคาญได้อย่างมาก ๆ จนถึงขั้นที่หลายคู่ต้องเลิกรากันเพราะทนไม่ได้เลยละค่ะ
ที่จริงแล้ว การแสดงความหวงกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ พองาม มันก็เป็นการดีนะคะ เป็นการช่วยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกภูมิใจว่าตัวเองมีความสำคัญ เป็นที่รักใคร่ของคนรัก แต่ขอย้ำว่าต้องแค่ “เล็ก ๆ น้อย ๆ” เท่านั้นนะคะ ถึงจะทำให้เจ้าความหวงในระดับ “พองาม” นี้กลายเป็นเรื่องน่ารักน่าเอ็นดู กระจุ๋มกระจิ๋ม มีงอนกัน แหย่กัน … ชีวิตรักก็สดใสกระชุ่มกระช่วยขึ้นมาได้ แต่เมื่อไรก็ตามที่การแสดงความหวง ความหึง มันชักจะมากขึ้น ผลลัพท์ที่ได้จะกลับตรงกันข้ามเลยนะคะ คือมันจะมีแต่ความอึดอัดใจ ความสดใสในความรักหายวับได้ในทันที่ที่ความหึงหวงเข้ามาแทรก ลองไปถามผู้หญิงและผู้ชายที่มีคนรักขี้หึงดูสิคะ…ไม่มีใครชอบ…. ไม่มีใครมีความสุขหรอกค่ะ… เวลาเจ้าพายุความหึงหวงมันพุ่งเข้ามาโจมตีความรักของคุณ ต่อให้กำลังนั่งคุยกันอย่างโรแมนติกแสนหวานใต้แสงเทียนกันอยู่ดี ๆ พูดจาผิดหูนิดเดียวไปสะกิดความรู้สึกหึงหวงของอีกฝ่ายเข้าละก็ เทียนกระเจิงเลยล่ะค่ะ เสียอารมณ์ เสียความรู้สึก ทะเลาะเบาะแว้งกันมานักต่อนักแล้วกับความหึงของคนรักนี่ล่ะค่ะ
ถ้าเราเป็นคนขี้หึง ลองถามตัวเองดี ๆ ว่า จริง ๆ แล้วเรากำลังกลัวอะไรกันแน่ เพราะคนขี้หึงมักจะเป็นเพราะเขากำลังกลัวหรือขาดความมั่นใจในเรื่องบางเรื่องอยู่ เช่น บางคนไม่มั่นใจในความสวยของตน บางคนกังวลเรื่องถ่านไฟเก่าของแฟน บางคนรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีไม่เก่ง เลยกลัวคนรักจะไม่รักและทิ้งเราไป…..อะไรแบบนี้ล่ะค่ะ เพราะฉะนั้น หาคำตอบให้ได้ว่าเรากำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่ แล้วพอได้คำตอบแล้ว ก็ขอให้พยายามแก้ปัญหาให้ตรงจุด ต้องพยายามจัดการกับใจตัวเองให้ได้ปรับปรุงข้อด้อยของเรา สร้างความมั่นใจให้ตัวเองให้ได้ มองตัวเองในแง่บวก และที่สำคัญต้องรักและภูมิใจในตัวเอง สร้างความรู้สึกที่ดี ๆ ให้กับตัวเอง แล้วคุณจะกลับมารู้สึกดีและมั่นใจใจตัวเองอีกครั้ง พยายามขจัดความหึงหวงออกไปให้ได้แล้วเอาความมั่นใจในตัวเองเข้ามาแทนที่ เพราะไม่อย่างนั้น ความหึงหวงอย่างไม่มีเหตุผลของคุณนั่นแหละที่จะบั่นทอนความรักของคุณอย่างแน่นอน
อย่าลืมนะคะ ถ้าอยากให้ความรักสดใส ต้องหมั่นตรวจสอบดูว่า เราได้แสดงการให้เกียรติคนรักบ้างหรือเปล่า รู้ใจเขาบ้างมั๊ย ยังคงใส่ใจในความรักความสบายใจของเขาอยู่หรือเปล่า เรามักจะเอาแต่ใจตัวเอง ชอบข่ม ชอบแสดงอำนาจเหนือเขาต่อหน้าคนอื่นบ้างหรือเปล่า และที่สำคัญคือ ช่วงนี้เราไม่มั่นใจในตัวเองเลยไปคอยตามหึงตามหวงจนน่ารำคาญหรือเปล่า ถ้าพบว่าเรามีข้อบกพร่องอะไร ก็รีบปรับปรุงตัวเสียแต่เนิ่น ๆ นะคะ คนรักกันชอบกัน ทำผิดทำพลาดไปบ้างยังไงก็ให้อภัยกันได้อยู่แล้วล่ะค่ะ แต่อย่าปล่อยไว้จนสายเกินไปนะคะ แล้วก็อย่าลืมคาถา “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” นะคะ ถ้าทำได้ละก้อ ความรักสดใสไปนานแสนนานเลยล่ะค่ะ
บทความจากสารคดีทางวิทยุรายการจิตวิทยาเพื่อคุณ – วิทยุจุฬาฯ FM 101.5 MHz
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรรณระพี สุทธิวรรณ
คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย