รายละเอียดเงื่อนไขการจบการศึกษาแต่ละข้อ
การเรียนรายวิชา (coursework)
สำหรับผู้เข้าเรียนในรูปแบบที่ 2 ซึ่งมีการเรียนรายวิชา จะต้องเรียนรายวิชาครบ 30 หน่วยกิต ดังนี้
- รายวิชาบังคับ 9 หน่วยกิต เพื่อสร้างทักษะการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ที่เข้มแข็ง ได้แก่
-
-
- สถิติ 1 (3 หน่วยกิต)
- สถิติ 2 (3 หน่วยกิต)
- การวิจัยเชิงจิตวิทยา (3 หน่วยกิต)
- รายวิชาแกนจิตวิทยา 9 หน่วยกิต เพื่อให้นิสิตมีความรู้รากฐานจิตวิทยาที่มั่นคง หลักสูตรฯ กำหนดรายวิชาแกน 5 วิชาตามแนวคิดของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน นิสิตต้องเลือกเรียนวิชาแกน 3 จาก 5 วิชาดังต่อไปนี้
-
-
- จิตวิทยาสังคมและบุคลิกภาพ (3 หน่วยกิต)
- รากฐานของปริชาน (3 หน่วยกิต)
- จิตวิทยาประยุกต์ (3 หน่วยกิต)
- มูลฐานชีวภาพของพฤติกรรม (3 หน่วยกิต)
- จิตวิทยาพัฒนาการ (3 หน่วยกิต)
- รายวิชาเลือกในแขนงวิชา 9 หน่วยกิต คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละแขนงวิชา
-
-
- วิชาเลือกแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม
- วิชาเลือกแขนงวิชาจิตวิทยาปริชาน
- วิชาเลือกแขนงวิชาจิตวิทยาธุรกิจ
- รายวิชาเลือกเสรี 3 หน่วยกิต เปิดกว้างให้ผู้เรียนเลือกเรียนรายวิชาได้โดยเสรี เพื่อเสริมและเติมเต็มความรู้และทักษะที่จำเป็นกับเป้าหมายการเรียนรู้และเส้นทางอาชีพที่นิสิตแต่ละคนวางแผนไว้ โดยอาจเลือกเรียนรายวิชาด้านสถิติและวิจัยขั้นสูง รายวิชาจากแขนงวิชาอื่น หรือคณะอื่น ๆ ก็ได้
แฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)
ระบบแฟ้มสะสมผลงาน (portfolio system) เป็นระบบการตั้งเป้าหมายและวางแผนการพัฒนานิสิตเป็นรายบุคคล โดยภายในปีการศึกษาที่ 1 นิสิตจะทำข้อเสนอแผนการเรียนและกิจกรรมที่จะทำตลอดระยะเวลาที่เรียนในหลักสูตร เพื่อสะสมความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายที่นิสิตตั้งไว้ (อย่างน้อย 6 อย่างสำหรับปริญญาเอก และ 4 อย่างสำหรับปริญญาโท)
นิสิตและอาจารย์ที่ปรึกษาจะเสนอแต่งตั้งกรรมการแฟ้มสะสมผลงาน (portfolio committee) ประกอบด้วยอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์ในแขนงวิชาหรือบุคคลภายนอกอีก 1 ท่าน ซึ่งจะประชุมร่วมกับนิสิตเพื่อให้คำแนะนำในการปรับปรุงแผนการเรียนและกิจกรรมที่กำหนดไว้ในแฟ้มสะสมผลงาน และติดตามความก้าวหน้ากับนิสิตปีละครั้งจนกระทั่งนิสิตจบการศึกษา
ผลงานที่จะใส่ในแฟ้มสะสมงานได้มีหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ยืดหยุ่นและจัดให้เหมาะกับเป้าหมายอาชีพของนิสิตแต่ละคนได้ โดยอาจแบ่งเป็นหมวดได้ดังนี้ (คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม)
- ทักษะการวิจัยขั้นสูง เช่น การลงทะเบียนเรียนรายวิชาสถิติหรือการวิจัยขั้นสูงที่นอกเหนือจากรายวิชาบังคับ
- ทักษะหรือความรู้เชิงลึก เช่น การเข้าร่วมการเสวนาของแขนงวิชา เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 ภาคการศึกษา
- ทักษะหรือความรู้เชิงกว้าง เช่น การลงทะเบียนเรียนและสอบผ่านรายวิชาต่างคณะที่ได้รับความเห็นชอบจากหลักสูตร
- ทักษะการนำเสนออย่างมืออาชีพ เช่น การนำเสนอแบบปากเปล่า โปสเตอร์ หรือการเป็นผู้อภิปรายหรือเสวนาในการประชุมวิชาการระดับชาติหรือนานาชาติ
- การฝึกประสบการณ์อาชีพ เช่น การฝึกงานหรือการทำโครงการภาคปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีเป้าหมายอาชีพในบริบทธุรกิจหรือองค์กรภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ การสอนรายวิชาระดับปริญญาตรีสำหรับผู้ที่มีเป้าหมายอาชีพเชิงวิชาการ เช่น เป็นอาจารย์ การเขียนโครงการเพื่อขอทุนวิจัยภายนอก สำหรับผู้มีเป้าหมายอาชีพด้านนักวิจัย
- การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ผลงานวิจัยหรือบทความทางวิชาการที่มีคุณภาพพร้อมส่งตีพิมพ์ในวารสารหรือรายงานการประชุมระดับนานาชาติในฐาน Scopus หรือ ISI (นอกเหนือจากที่ใช้เพื่อจบการศึกษา)
วิทยานิพนธ์ปริญญาโท (Master’s Thesis)
นิสิตปริญญาโทจะต้องพัฒนาโครงร่างวิทยานิพนธ์และสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ภายในไม่เกินภาคการศึกษาที่ 4 ที่เข้าศึกษา เมื่อได้รับอนุมัติหัวข้อวิทยานิพนธ์แล้ว นิสิตต้องยื่นโครงการวิจัยเข้ารับการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ก่อนลงมือเก็บข้อมูล
เมื่อดำเนินการวิจัยเสร็จแล้ว นิสิตจะสามารถขอสอบปกป้องวิทยานิพนธ์ได้ก็ต่อเมื่อสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ผ่านมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน และมีหลักฐานว่าผลงานวิจัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ได้รับตอบรับให้ตีพิมพ์ หรือได้ส่งนิพนธ์ต้นฉบับไปเพื่อรับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับชาติหรือนานาชาติแล้ว
การสอบวัดคุณสมบัติ (Qualifying Examination)
นิสิตปริญญาเอกไม่ว่าจะเข้าศึกษาในรูปแบบที่ 1 หรือรูปแบบที่ 2 จะต้องสอบวัดคุณสมบัติให้ผ่านภายในภาคการศึกษาที่ 3 นับตั้งแต่เข้าศึกษา กระบวนการสอบเริ่มจากนิสิตต้องลงทะเบียนรายวิชาการสอบวัดคุณสมบัติ อาจารย์ที่ปรึกษาและนิสิตเสนอแต่งตั้งกรรมการสอบวัดคุณสมบัติต่อคณะกรรมการบริหารหลักสูตร จากนั้นนิสิตต้องส่งบทความทบทวนวรรณกรรมและแนวคิดการทำวิจัยของตนเองให้กรรมการสอบวัดคุณสมบัติประเมิน กรรมการสอบวัดคุณสมบัติจะพิจารณาว่าจะทดสอบเพิ่มเติมในประเด็นใดและอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่านิสิตมีความพร้อมด้านความรู้ความสามารถที่จะทำวิจัยในระดับปริญญาเอก โดยอาจกำหนดรูปแบบการสอบเป็นข้อเขียน หรือการสอบปากเปล่า หรือผสมผสานกันก็ได้
วิทยานิพนธ์ปริญญาเอก (Ph.D. Dissertation)
หลังจากสอบวัดคุณสมบัติปริญญาเอกผ่านแล้ว นิสิตปริญญาเอกจะต้องพัฒนาโครงร่างวิทยานิพนธ์และสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ เมื่อได้รับอนุมัติหัวข้อวิทยานิพนธ์แล้ว นิสิตต้องยื่นโครงการวิจัยเข้ารับการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ก่อนลงมือเก็บข้อมูล
เมื่อดำเนินการวิจัยเสร็จแล้ว นิสิตจะสามารถขอสอบปกป้องวิทยานิพนธ์ได้ก็ต่อเมื่อสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์ผ่านมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน และมีหลักฐานว่าผลงานวิจัยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ได้รับตอบรับให้ตีพิมพ์ หรือได้ส่งนิพนธ์ต้นฉบับไปเพื่อรับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับชาติหรือนานาขาติครบตามเงื่อนไขแล้ว
การตีพิมพ์ (Publications)
ส่วนหนึ่งของงานวิทยานิพนธ์ของนิสิตต้องได้รับการเผยแพร่ด้วยการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการ หรือนำเสนอในการประชุมวิชาการที่มีรายงานสืบเนื่องหลังการประชุม เกณฑ์การเผยแพร่สำหรับนิสิตแต่ละแผนการศึกษามีดังนี้
นิสิตปริญญาเอกแผนวิจัย (1.1 และ 1.2) ต้องมีบทความวิจัยตีพิมพ์หรือได้รับตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการอย่างน้อย 2 ฉบับ โดยอย่างน้อย 1 ฉบับต้องเป็นวารสารวิชาการระดับนานาชาติ
นิสิตปริญญาเอกแผนการเรียนรายวิชาและวิจัย (2.1 และ 2.2.) ต้องมีบทความวิจัยตีพิมพ์หรือได้รับตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติอย่างน้อย 1 ฉบับ
นิสิตปริญญาโทแผนวิจัย (ก1) ต้องมีบทความวิจัยตีพิมพ์หรือได้รับตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับชาติหรือนานาชาติอย่างน้อย 1 ฉบับ
นิสิตปริญญาโทแผนการเรียนรายวิชาและวิจัย (ก2) ต้องมีบทความวิจัยตีพิมพ์หรือได้รับตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับชาติหรือนานาชาติ อย่างน้อย 1 ฉบับ หรือ นำเสนอในการประชุมเชิงวิชาการระดับชาติหรือนานาชาติที่มีรายงานสืบเนื่องฉบับเต็ม (proceeding) อย่างน้อย 1 ฉบับ