ข่าวและกิจกรรม

คณะจิตวิทยาเข้าพบท่านอธิการบดี เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2568

 

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ได้เข้าพบท่านอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร เพื่อขอพรปีใหม่เนื่องในโอกาสขึ้นปีพุทธศักราช 2568 โดยท่านอธิการได้ให้คำอวยพรที่เป็นสิริมงคลต่อคณะจิตวิทยา

 

 

 

 

Workshop : เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง รุ่นที่ 4

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ “เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง รุ่นที่ 4”

 

 

คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมโครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ “เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง รุ่นที่ 4” ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ ห้อง 614 ชั้น 6 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัชราภรณ์ บุญญศิริวัฒน์ อาจารย์พิเศษแขนงวิชาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวิทยากร

 

 

 

 

การเจรจาต่อรอง เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาระหว่างครอบครัว การเจรจาทางธุรกิจ เป็นต้น ผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจาก “การเจรจาต่อรอง” ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากและมักจะเกิดขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อเราจะต้องประสานงานการทำงานกับผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นการเจรจาต่อรองกับผู้ที่เราจะต้องดำเนินธุรกิจด้วยหรือแม้แต่การเจรจาต่อรองที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในมิติอื่น ๆ ได้ เพียงแต่ว่าเรื่องนั้นควรต่อรองหรือไม่ คุ้มหรือไม่กับการต้องต่อรอง หากต้องนิยามคำว่าเจรจาต่อรอง ก็สามารถให้ความหมายแบบกว้าง ๆ คือ กระบวนการสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) มีบุคคลร่วมเจรจา 2 ฝ่ายขึ้นไป ถือเป็นกิจกรรมที่มีความทางการ มีการกำหนดจุดยืน มีผลประโยชน์ที่ต้องการแลกเปลี่ยนกัน และมุ่งหวังให้ผลประโยชน์หรือข้อกำหนดนั้นบรรลุความต้องการของทุกฝ่าย

 

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ “เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง” จึงเป็นโครงการสำหรับผู้ที่ต้องเข้าใจในพื้นฐานของการเจรจาต่อรอง โดยมุ่งเน้นการศึกษาไปยังเทคนิคพื้นฐานในกระบวนการของการต่อรอง ว่าการออกไปพบปะผู้คนควรวางแผนและเตรียมตัวล่วงหน้าในการเจรจาอย่างไร จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับสิ่งต่าง ๆ รวมถึงการคาดหวังว่าผู้ที่ผ่านการอบรมจะสามารถนำเทคนิคดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถรับมือและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นและพร้อมที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้

 

 

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเกียรติบัตรการเข้าร่วมโครงการจากคณะจิตวิทยา

 

 

วิธีการฝึกอบรม
  • ภาคทฤษฎี – โดยการบรรยาย ระยะเวลา 3 ชั่วโมง
  • ภาคปฏิบัติ – โดยการฝึกปฏิบัติ ระยะเวลา 3 ชั่วโมง

 

 

การอบรมมีอัตราค่าลงทะเบียน ท่านละ 4,500 บาท

(ราคานี้รวมอาหารกลางวัน อาหารว่าง เอกสารประกอบการอบรมและวุฒิบัตร)

 

 

 

เงื่อนไขการลงทะเบียน
  1. กรุณาชำระค่าลงทะเบียนเข้าร่วมงานก่อนกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียน
  2. การส่งแบบฟอร์มลงทะเบียน จะต้องแนบหลักฐานการชำระเงินค่าลงทะเบียนมาด้วย จึงจะถือว่าการลงทะเบียนสมบูรณ์
  3. เมื่อผู้จัดงานได้ตรวจสอบการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งยืนยันการลงทะเบียนให้ทราบภายใน 3 วันทำการ
  4. บุคลากรของรัฐและหน่วยงานราชการที่ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว สามารถเข้าร่วมการอบรมได้โดยไม่ถือเป็นวันลา และมีสิทธิเบิกค่าลงทะเบียนได้ตามระเบียบของทางราชการ
  5. ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์จะจัดส่งให้ทางอีเมลที่ท่านได้ลงทะเบียนไว้
  6. เมื่อชำระเงินค่าลงทะเบียนแล้ว จะไม่สามารถขอรับเงินคืนได้ทุกกรณี

 

 

 


โครงการนี้ปิดรับสมัครแล้่ว


 

 

 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณวาทินี โทร. 02-218-1307 E-mail: wathinee.s@chula.ac.th

 

 


 

 

การเดินทางมายังคณะจิตวิทยา

 

อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ
ขนส่งสาธารณะ
BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ทางออก 2 แล้วเดินตรงเข้ามาทางประตูสนามนิมิบุตร ประมาณ 300 เมตร
รถเมล์ ป้ายสนามกีฬาแห่งชาติ / มาบุญครอง / โอสถศาลา

 

ที่จอดรถ
อาคารจอดรถ 4 ติดกับอาคารจุฬาพัฒน์ 14

 

 

คณะจิตวิทยาร่วมสวัสดีปีใหม่แก่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภามหาวิทยาลัย

 

วันที่ 13 มกราคม 2568 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดี พร้อมด้วยบุคลากร ได้ร่วมสวัสดีปีใหม่แก่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งรับโอวาทและคำอวยพร ณ ชั้น 20 อาคารจามจุรี 10

 

 

 

 

 

 

 

คณะจิตวิทยาร่วมออกบูทในงาน “CHULA LAND แดนเด็กเล่น” ณ สยามสแควร์

 

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ PMCU จัดกิจกรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติใจกลางสยามสแควร์ งาน “CHULA LAND แดนเด็กเล่น” ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 21.00 น. ณ สยามสแควร์

 

ในงานนี้คณะจิตวิทยาร่วมออกบูท Mind Town บริเวณ Block K (ตรงข้าม Siam Square One) มีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมงานได้เพลิดเพลินไปด้วยสาระและความสนุกสนานมากมาย จากศูนย์สุขภาวะทางจิต ศูนย์จิตวิทยาเพื่อประสิทธิภาพองค์กร และ ศูนย์จิตวิทยาพัฒนาการและความสัมพันธ์ระหว่างวัย อาทิ

  • ทดลองจิตวิทยาสุดเจ๋ง
  • กิจกรรมชวนเล่นจากนักจิตวิทยา: อะคริลิคส่องใจ ฟังนิทานรู้จักอารมณ์
  • My Emotion…My Shining Mind: สำรวจจิตใจผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์
  • เปิดโลกอาชีพที่น่าสนใจ

 

 

 

 

เครียดงานหลังปีใหม่: พอจัดการได้ ถ้าตั้งหลักดี ๆ

 

รู้สึกเหมือนกันไหมคะว่าเทศกาลปีใหม่ผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย หลายคนบ่นว่าเหมือนตื่นมาจากฝัน ความรู้สึกผ่อนคลายกับเวลาสบาย ๆ หมดไปเร็วเหลือเกิน ถึงเวลานี้ หลายคนคงกลับมาใช้ชีวิตประจำวันหรือทำงานแบบเดิม ๆ และอาจมีเพิ่มเติมด้วยความรู้สึกกดดันกับงานกองใหญ่ ที่เคยผัดผ่อนไว้ช่วงก่อนเทศกาล ตอนนั้นอาจคิดไปว่าปีใหม่ เราคนใหม่ จะมีพลังจัดการได้ทุกอย่าง แต่พอกลับมาเจอกองงานอีกครั้ง หรือเห็นงานใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามา ก็อาจพาให้เกิดความเครียดได้

 

แต่อย่างไร อย่าเพิ่งรู้สึกไม่ดีกับความเครียดนะคะ ถ้ารักษาไว้ในระดับพอดี ๆ ความเครียดก็มีประโยชน์ได้ค่ะ ความเครียดที่ไม่สูงเกินไป จะส่งผลให้เราเกิดแรงจูงใจ ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ลงมือทำอะไรไม่นิ่งเนือย ในปีนี้ เราอาจได้ผลงานที่ดี มีประสิทธิภาพในการใช้เวลา หรือเห็นความรุดหน้าในงานถ้าจัดการความเครียดได้ลงตัวนะคะ

 

ในทางกลับกัน ถ้าความเครียดนั้นสูงเกินไป ก็จะส่งผลเสียทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด เกร็ง ไม่สบายใจ บางคนทานไม่ได้นอนไม่หลับ ความเครียดสูงยังบั่นทอนสมาธิ การรับรู้ การตัดสินใจ และส่งผลให้หลาย ๆ คนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป บางคนหลีกเลี่ยงหนีสถานการณ์ตึงเครียด ใช้เกม การกินหรือสุรายาเสพติดเป็นเครื่องปลอบใจ ถ้ามาถึงจุดนี้ เราคงต้องตั้งหลักหาวิธีจัดการความเครียดแล้วค่ะ

 

ความเครียดเป็นผลจากการประเมินสถานการณ์ว่าคุกคามความรู้สึกปลอดภัยหรือไม่ และเรามีตัวช่วยในการรับมือสถานการณ์นั้นมากน้อยเพียงใด ความเครียดเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ในสถานการณ์ดี ๆ เช่น ได้เลื่อนตำแหน่ง การแต่งงาน การให้กำเนิดสมาชิกใหม่ในครอบครัว เมื่อไรที่เรารับรู้ว่าตัวเองออกจากพื้นที่ปลอดภัย เราอาจเกิดความเครียดได้

 

เนื่องจากความเครียดมีที่มาหนึ่งจากการรับรู้ของเราเอง การตั้งหลักทบทวนว่าเรารับรู้หรือประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไรจึงเป็นเรื่องสำคัญ เริ่มแรกเลย ลองทบทวนว่าสถานการณ์ตึงเครียดนั้นเกี่ยวข้องกับเรามากน้อยเพียงใด ถ้างานกองใหญ่ที่รออยู่หลังปีใหม่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับเราคนเดียว เราก็อาจจะต้องกระจายปริมาณความเครียดไปให้เหมาะสม

 

นอกจากนั้น ความเครียดเกิดการจากรับรู้ว่าเราถูกคุกคามไม่ปลอดภัย บางทีพอได้ยินคำว่า “งาน” เราก็พาลเครียดไม่ปลอดภัยไปแล้ว แต่ถ้าตั้งหลักมองดี ๆ งานที่ต้องดูแลก็อาจเป็นโอกาสให้เราได้แสดงฝีไม้ลายมือหรือเรียนรู้พัฒนาตัวเองก็ยังได้ และอาจจะไม่ใช่ภัยคุกคามเสมอไป

 

ลองทบทวนดูความคาดหวังของเราสักนิดนะคะว่าจะกดดันตัวเราไปหรือไม่ เช่น ถ้าเรามองแบบดำขาวว่างานกองใหญ่ที่รออยู่ต้องเสร็จไปในทันทีที่ปีใหม่มาถึง แบบนี้ก็คงเครียดไม่น้อย จะผ่อนคลายกว่าแน่ ถ้าเราค่อยๆ ประเมินแล้วตั้งกำหนดเวลาคิดว่าน่าจะค่อย ๆ ทยอยทำงานนั้นไป

 

สุดท้ายแล้ว การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับงานก็ช่วยลดความเครียดไปได้ค่ะ ร่างกายที่พร้อม จิตใจที่แข็งแรงนับเป็นพื้นฐานที่ดี แต่ยังมีวิธีเตรียมความพร้อมเพิ่มเติมได้ เช่น การจัดสรรเวลาที่ดี การนึกทบทวนนำเอาวิธีการทำงานหรือแนวทางการแก้ปัญหาที่เคยใช้ได้ผลในอดีตกลับมาใช้อีก และหากเฉพาะเราคนเดียวแบกรับงานกองโตไม่ไหว การขอรับกำลังกาย กำลังใจ หรือคำแนะนำจากคนข้างเคียงก็นับเป็นตัวช่วยที่ดีในการบรรเทาความเครียดค่ะ

 

 

การตั้งหลักทบทวนทำความเข้าใจที่มาและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับงานจะช่วยลดความเครียดของเราลงได้ และหากได้ทดลองใช้ให้คุ้นชินตั้งแต่ต้นปี ก็น่าที่จะช่วยให้คุณได้มีเครื่องมือใหม่ ๆ ไว้ใช้จัดการความเครียดต่อไปนะคะ แต่หากลองตั้งหลักทบทวนแล้ว ยังมีประเด็นที่คุณอยากพูดคุยเพิ่มเติมเพื่อจัดการความเครียดของคุณ ติดต่อนักจิตวิทยาได้นะคะ

 

 

 


 

 

 

บทความโดย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. กุลยา พิสิษฐ์สังฆการ

อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษา

 

พิธีตักบาตรเนื่องในโอกาสขึ้นพุทธศักราชใหม่ 2568 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

วันที่ 9 มกราคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคณาจารย์และบุลากรคณะจิตวิทยา เข้าร่วมพิธีตักบาตรเนื่องในโอกาสขึ้นพุทธศักราชใหม่ 2568 ที่จัดขึ้นโดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ลานพระศรีมหาโพธิ์ หน้าอาคารจามจุรี 4 เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวจุฬาฯ ในการเริ่มต้นปีใหม่

ภายหลังพิธีตักบาตร ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานพิธี และ ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ ได้ให้โอวาทและอวยพรปีใหม่แก่ชาวจุฬาฯ

 

 

 

 

 

 

นิสิตคณะจิตวิทยาได้รับรางวัลเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ด้านกีฬาและนันทนาการ 2568

 

คณะจิตวิทยาขอแสดงความยินดีและภาคภูมิใจกับ นางสาวปัฌรวี ชยวรารักษ์ นิสิตคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับรางวัลเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ด้านกีฬาและนันทนาการ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 จากกระทรวงศึกษาธิการ (ชนิดกีฬาว่ายน้ำลีลา ประเภทบุคคล) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568

 

 

 

 

 

 

ปฏิทินโครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา ปี 2568

 

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา สำหรับบุคคลทั่วไป

โดยงานบริการวิชาการกลาง คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2568

 

 

โครงการอบรมความรู้ทางจิตวิทยา หัวข้อ
เวลาจัดอบรม
ช่วงเวลารับสมัคร
สถานะ
พื้นฐานและมุมมองทางจิตวิทยาสำหรับการร่วมมือข้ามศาสตร์ 18 ม.ค. 68 ธ.ค. 67 อบรมเสร็จสิ้นแล้ว
เทคนิคพื้นฐานสำหรับการเจรจาต่อรอง 22 มี.ค. 68 ม.ค – ก.พ. 68 ปิดรับสมัครแล้ว
Bias & Diversity Management in Organizations 26 เม.ย. 68 มี.ค. 68 อบรมเสร็จสิ้นแล้ว
จิตวิทยาการจัดการเวลา 21 มิ.ย. 68 เม.ย. 68 ปี 68 TBA
ความรู้พื้นฐานจิตวิทยาพัฒนาการ 9 – 20 มิ.ย. 68 พ.ค. 68 ปี 68 TBA
ทฤษฎีการปรึกษาเชิงจิตวิทยาและจิตบำบัด 7 มิ.ย. – 2 ส.ค. 68 เม.ย. 68 ปิดรับสมัครแล้ว
ความรู้พื้นฐานจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ 16 มิ.ย. – 21 ก.ค. 68 พ.ค. 68 ปี 68 TBA
ความรู้สถิติเบื้องต้นสำหรับการวิจัยทางจิตวิทยา 7 – 18 ก.ค. มิ.ย. 68 ปี 68 TBA
Mental Well-being Management in Organizations ตุลาคม 68 ก.ย. 68 New
อบรมความรู้ทางจิตวิทยาสำหรับประชาชนทั่วไป พ.ย. – ธ.ค. 68 ต.ค. 68 ปี 67 ที่ผ่านมา
Monte Carlo Simulations for Sample Size Planning TBA TBA New

 

 

 

 

 

ร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 108 ปี แห่งการสถาปนาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ

 

วันที่ 3 มกราคม 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตร และร่วมแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.สุรเดช โชติอุดมพันธ์ คณบดีคณะอักษรศาสตร์ และผู้บริหารคณะอักษรศาสตร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 108 ปี แห่งการสถาปนาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ อาคารมหาจักรีสิรินธร

 

 

 

 

 

 

กลยุทธ์สู่การประสบความสำเร็จในปณิธานปีใหม่

 

ในงานวิจัยที่เก็บข้อมูลทางสถิติ พบว่า มีคนน้อยกว่าร้อยละ 10 ที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงในปณิธานปีใหม่ โดยส่วนใหญ่แล้วการตั้งปณิธานและไม่สามารถทำได้ตามที่ตนปรารถนานั้นจะสัมพันธ์กับ การตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ขาดแผนการ หรือการจัดสรรที่ดี ที่นำไปสู่เป้าหมาย และทำให้เกิดความหมดกำลังใจหมดแรงจูงใจในการสานฝันที่ตั้งไว้

 

ใครในที่นี้ได้เคยมีโอกาสได้ตั้งสิ่งที่ตนเองปรารถนาให้กับตัวเอง แต่ยังไม่ทันถึงเดือนกุมภาพันธ์ก็เริ่มปล่อยสิ่งที่ตนเองปรารถนาไปก่อนบ้างคะ?

 

ในงานวิจัยพบว่า ประมาณร้อยละ 80 ของผู้ที่มีสิ่งที่ตนเองปรารถนาจะปล่อยหรือละทิ้งสิ่งปรารถนานั้น ๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ โดยหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยตั้งความปรารถนาไว้ในปีใหม่ แต่ไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จได้ หรือทำได้ในระดับหนึ่งแล้วล้มเลิกกลางครัน เราถือเป็นคนหมู่มากค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน

 

แล้วเราจะสามารถวางกลยุทธ์อย่างไรได้บ้างเพื่อความสำเร็จในปณิธานปีใหม่

 

คุณ ๆ ทราบมั้ยคะว่า การตั้งความแน่วแน่ในปีใหม่เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่เราควรได้ตั้งเป้าหมาย แพลนและลงมือทำ เหตุเพราะช่วงเวลาปีใหม่ เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง การรับรู้ถึงสิ่งใหม่ ๆ ความตั้งใจใหม่ ๆ จะยังมีอยู่อย่างเต็มที่ เป็นช่วงเวลาที่เราจะสามารถสะท้อนความตั้งใจของตนเอง และคิดถึงสิ่งที่อยากพัฒนา และดึงแรงบันดาลใจให้กับตนเองได้ เปรียบเหมือนการเริ่มต้นใหม่อย่างสดใส สดชื่น การเริ่มจัดระบียบวางแพลนในชีวิตเพื่อเริ่มบทใหม่ ๆ ของตัวเรา โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ สุขภาพ การงาน ความสัมพันธ์ต่าง ๆ ค่ะ

 

 

การตั้งเป้าหมายที่สำคัญ

 

  1. สามารถบอกกล่าว มีความเฉพาะเจาะจง และเห็นภาพที่ค่อนข้างชัดเจนถึงเป้าหมาย
  2. สามารถค่อย ๆ วัดความสำเร็จ และวัดความสำเร็จเมื่อถึงเป้าหมายได้
  3. มีความท้าทาย ไม่ง่ายเกินไป และไม่ยากเกินไป แบบยังไงก็เป็นไปไม่ได้ จนหมดกำลังใจ
  4. มีความสำคัญเฉพาะเป็นคุณค่ากับตัวเรา
  5. มีการให้เวลา และกำหนดเวลาในการค่อย ๆ ไปสู้เป้าหมายที่ตั้งไว้

 

 

เริ่มต้นจาก

  • “อะไรที่เล็กๆ” ถึงแม้ฝันเราจะใหญ่

เช่น ปณิธานของเราคือ การลงวิ่งมาราธอนภายในปีนี้ ก็อาจจะค่อย ๆ เริ่มเรียนรู้จังหวะการวิ่งของตัวเอง ค่อย ๆ พัฒนาตามระยะทาง จนสามารถพัฒนาเป็นวิ่งมาราธอนได้ใน 6 เดือนต่อมา

 

หรือ ปณิธานของเราคือ การลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม ภายในครึ่งปีหน้า ก็ค่อย ๆ เริ่มจากการไม่ซื้อขนมมาตุนไว้ที่บ้าน ลดการทานของทอด ของหวานในทุก ๆ วัน พร้อมออกกำลังกาย อาจจะเริ่มที่ 15-20 นาที และค่อยเพิ่มเวลา ให้น้ำหนักได้ลดลงเป็นลำดับ

 

  • เป็นการสร้าง “ลักษณะนิสัยใหม่”

เช่น การซ้อมวิ่งทุก ๆ วัน เวลาหกโมงเย็น ที่สวนเป็นเวลา 20 นาที

การลดทานขนม น้ำหวาน หรือของทอด ในแต่ละมื้ออาหาร และในระหว่างวัน จนสามารถเลิกการทานได้

 

  • อิงสิ่งที่ “ช่วยสนับสนุนเรา”

เช่น แชร์ความแน่วแน่ตั้งใจนี้กับเพื่อน และชวนกันไปออกกำลังกาย ตามเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะกับเพื่อนที่มีปณิธานที่เหมือนกัน และชวนกันไปเริ่มจากอะไรเล็กๆ น้อยๆ จนสร้างเป็นลักษณะนิสัย

 

นอกจากนี้ ในยุคนี้ อาจจะมีเครื่องมือ applications ต่าง ๆ ที่ช่วย ในการสร้างความมุ่งมั่นตั้งใจ เช่นในการวิ่งและเก็บสถิติ ความเร็วและหน่วยระยะทางไว้ ซึ่งอาจจะสามารถแชร์กับกลุ่มเพื่อน เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ให้กันและกันได้อีกด้วย

 

  • “ให้รางวัลตัวเอง”

เช่น คำชมตัวเอง หรือ กดไลค์ ส่งคำชมเพื่อนที่กำลังพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมาย พร้อมจดบันทึกว่า ตอนนี้เราได้พัฒนาไปถึงไหน อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนอย่างไร หรือต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมมั้ยสู่การไปสู่เป้าหมาย โดยสิ่งนี้จะสัมพันธ์กับ ลักษณะของเป้าหมายที่ตั้ง และลักษณะของตัวเรา

 

ถ้าเราเป็นบุคคลที่มี Growth mindset ที่ดี ประสบการณ์ที่เราได้จะทำให้เราเกิดการเรียนรู้และพร้อมพัฒนา การตั้งเป้าหมายที่ท้าทายจะทำให้เราอยากลองลงมือทำ แต่หากเราเป็นบุคคลที่มี Fixed mindset การตัดสินตนเองว่า ไม่สามารถทำได้ และล้มเลิกความตั้งใจ หรือลดเป้าหมายลงอาจเกิดขึ้นได้ เราอาจจะลองขยับความคิดของเราค่ะ ว่าเราค่อย ๆ พยายามและเรียนรู้ ค่อย ๆ พัฒนา เราก็จะสามารถพัฒนาไปสู่เป้าหมาย หรืออาจเกินกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้

 

  • สุดท้าย แต่.. ไม่ท้ายสุดค่ะ

อยากชวนให้ทุกท่านได้พูดคุยและตอบคำถามตัวเองค่ะ ว่าเราตั้งปณิธานนี้เพราะสาเหตุอะไร หากความแน่วแน่ในปีใหม่ที่เราตั้งนี้ ตอบคำถามได้ว่า เราทำไปทำไม เพื่อคุณค่าอะไร เราก็จะมีแรงใจมากขึ้น ในการตั้งใจ และอยู่ในกลยุทธ์แผนที่ตั้งไว้ เพื่อให้ได้มาซึ่งปณิธานที่เราได้ตั้งไว้ในต้นปีนี้ค่ะ

 

 

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะคะ ขอให้ทุกท่านพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ผู้คนดี ๆ รอบกาย สุขกายและสบายใจค่ะ

 

 

Reference

Norcross, J. C., Mrykalo, M. S., & Blagys, M. D. (2002). Auld lang Syne: Success predictors, change processes, and self‐reported outcomes of New Year’s resolvers and nonresolvers. Journal of clinical psychology, 58(4), 397-405.

 

 


 

 

บทความโดย

อาจารย์ ดร.วิทสินี บวรอัศวกุล

อาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ