ข่าวและกิจกรรม

โครงการจิตวิทยา จุฬาฯ “ฮีลใจผู้ประสบภัย”

 

คณะจิตวิทยาเล็งเห็นถึงความสำคัญในช่วยเหลือเยียวยาทางด้านจิตใจให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยและอุบัติเหตุเพลิงไหม้รถบัสโดยสารคณะทัศนศึกษา ศูนย์สุขภาวะทางจิต จึงจัดให้มีโครงการจิตวิทยา จุฬาฯ “ฮีลใจผู้ประสบภัย” โดยมีรูปแบบการให้บริการดูแลจิตใจ
เบื้องต้น (Psychological First Aid) ผ่านสายด่วนโทรศัพท์ 02-2180810 ในช่วงวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น. (ยกเว้นวันหยุดราชการ) จนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2567 นี้ บริการฟรี บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

 

 

 

ทั้งนี้นิสิตอาสาในโครงการได้ผ่านการอบรมจากคณาจารย์ของศูนย์สุขภาวะทางจิตไปเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2567

 

 

 

ก้าวข้ามความแตกต่าง: เติมเต็มช่องว่างระหว่างวัย (ตอนที่ 2/2)

 


 

 

อ่านตอนที่ 1/2 

 

 


 

 

ตัวอย่างสถานการณ์ช่องว่างระหว่างวัยในบ้านและในที่ทำงาน

 

ในครอบครัวที่มีสมาชิกหลากหลายยุค เช่น ปู่ย่าเป็น Gen Baby Boomers, พ่อแม่เป็น Gen X และลูกหลานเป็น Gen Millennials และ Gen Z ความท้าทายคือการปรับตัวเข้าหากัน เนื่องจากแต่ละรุ่นมีความสนใจ ความชอบ รูปแบบการสื่อสาร และค่านิยมที่ต่างกัน

 

 

 

บริษัทนวัตกรรมชุมชนคนเมือง เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี มีพนักงานประจำเต็มเวลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่เพิ่งเรียนจบ และพนักงานบางส่วนที่ทำงานพาร์ทไทม์หลังเกษียณจากงานประจำ เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่หลายตัว โดยมุ่งหวังสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิตของชุมชน

 

 

 

หัวใจ 2 ข้อในการ “เติมเต็มช่องว่างระหว่างวัย”

 

ข้อแรก ลดช่องว่างด้วยการสื่อสารที่สร้างสรรค์

  • หลีกเลี่ยงการกระแนะกระแหนหรือแซะกัน : พยายามลดคำพูดที่อาจสร้างบรรยากาศเชิงลบ แทนที่จะวิจารณ์หรือเหน็บแนมกัน
  • เปลี่ยนมุมมองมาเป็นการแบ่งปันและรับฟัง : ส่งเสริมการแบ่งปันประสบการณ์ ความคิด และฟังกันอย่างตั้งใจ ให้แต่ละคนมีพื้นที่แสดงออกและเรียนรู้จากกัน

 

ข้อที่สอง เติมเต็มความแตกต่างด้วยกิจกรรมร่วมกัน

  • ทำกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ : หากการพูดคุยกันยังไม่คุ้นเคย ลองหากิจกรรมที่ทำด้วยกัน เช่น เดินเลือกซื้อของ ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร หรือออกกำลังกายร่วมกัน ซึ่งช่วยเชื่อมโยงกันผ่านการทำสิ่งสร้างสรรค์และการลงมือทำไปพร้อมกัน
  • ใช้เวลาให้กันอย่างสม่ำเสมอ : ไม่จำเป็นต้องนาน แต่การใช้เวลาคุณภาพร่วมกันและอัปเดตชีวิตกันสั้นๆ ช่วยให้แต่ละฝ่ายรู้สึกผูกพันต่อกัน
  • สร้างพื้นที่หรือหาเป้าหมายร่วมกัน : ค้นหาสิ่งที่ทุกคนให้คุณค่าร่วมกัน เช่น การทำแปลงผักสวนรวมหลายเจนที่แต่ละวัยสามารถร่วมปลูกและดูแล หรือเลี้ยงสัตว์ร่วมกัน เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้สมาชิกในบ้านรู้สึกเชื่อมโยงและรับผิดชอบต่อสิ่งเดียวกัน

 

 

ตัวอย่าง การเติมเต็มความแตกต่างในสถานการณ์ช่องว่างระหว่างวัยในบ้านและที่ทำงาน

 

 

 

 

กฎ Platinum 3 ข้อ สำหรับ เตือนใจ เชื่อมใจคนต่างยุคกัน

 

  • ข้อแรก : เปิดใจ – ไม่ว่ารุ่นไหนหรือวัยไหน ทุกคนต่างมีความสามารถและความถนัดในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตน การแก้ปัญหาเป็นหน้าที่ของทุกคน
  • ข้อที่สอง : ปิดช่องว่างระหว่างวัย – ควรมองหาสิ่งที่เรามีร่วมกันเพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมโยงระหว่างกัน
  • ข้อสุดท้าย : หลีกเลี่ยงความคาดหวังเกินจริง – ควรรักษาความสม่ำเสมอในการสื่อสารและการทำกิจกรรมร่วมกันโดยไม่ตั้งความหวังที่สูงเกินไป

 

 

 

 

 

ขอบคุณทุกท่านที่เห็นความสำคัญของ “การลดความแตกต่างและเติมเต็มช่องว่างระหว่างรุ่นวัย” สิ่งนี้จะช่วยลดภาพเหมารวม (stereotypes) ของแต่ละรุ่น ทำให้เราเห็นคุณค่าในความหลากหลาย และส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนวิธีการอยู่ร่วมกันในสังคม การเชื่อมโยงนี้ช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางใจ เพิ่มความเข้าใจ รู้ทันโลก รู้จักคนรอบข้าง อีกทั้งเป็นการกระตุ้นความคิด ลดอารมณ์ทางลบ และช่วยรักษาทักษะทางสังคมในทุกช่วงวัย

 

 

 


 

 

บทความโดย

ศาสตราจารย์ ดร.อรัญญา ตุ้ยคำภีร์
ผู้อำนวยการหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาจิตวิทยา
ประธานแขนงวิชาการวิจัยจิตวิทยาประยุกต์
และอาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ก้าวข้ามความแตกต่าง: เติมเต็มช่องว่างระหว่างวัย (ตอนที่ 1/2)

 

คนแต่ละยุคซึมซับประสบการณ์และค่านิยมทางประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมที่ต่างกัน จึงพัฒนามุมมอง แนวคิด และค่านิยมเฉพาะตัวที่สะท้อนยุคสมัยของตนเอง ทำให้พวกเขามีลักษณะและมุมมองร่วมกันมากกว่าที่จะคล้ายคลึงกับคนรุ่นก่อน สิ่งนี้เป็นรากฐานของ “ช่องว่างระหว่างวัย” หรือ generation gap คาร์ล มันไฮม์ (Karl Mannheim) นักสังคมวิทยาชาวเยอรมัน เป็นหนึ่งในคนแรก ๆ ที่อธิบายปรากฏการณ์นี้ โดยเขาได้พัฒนา “ทฤษฎีรุ่นวัย” (Theory of Generations) ในผลงาน “The Problem of Generations” ที่ตีพิมพ์ในปี 1928

 

 

ช่องว่างระหว่างวัย — ความแตกต่างที่เกิดจาก “ขอบเขตของอายุ” (age boundaries)

 

เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คนที่เกิดในยุคเดียวกันมักมีมุมมองและให้ความสำคัญต่อสิ่งต่าง ๆ ในทิศทางคล้ายคลึงกัน การเป็นส่วนหนึ่งของยุคสมัยหนึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ มีข้อสังเกตว่า:

  • คนแต่ละยุคได้ซึมซับและสะสมประสบการณ์เฉพาะของยุคสมัยของตนเอง
  • คนแต่ละยุคมีลักษณะร่วมและความคล้ายคลึงกันกับคนในยุคเดียวกันมากกว่าที่จะเหมือนกับคนในรุ่นพ่อแม่

 

 

ถอดรหัสลักษณะเฉพาะของคนแต่ละยุคในสังคมปัจจุบัน

 

 

 

กลุ่มคนตามช่วงอายุ

  • ยุคปู่ย่าตายาย หรือ Silent Generation คนที่เกิดปี พ.ศ. 2468 – 2485 อายุ 80 ปี ขึ้นไป
  • ยุคลุง ป้า พ่อและแม่ หรือ Baby Boomers คนที่เกิดปี พ.ศ 2489 – 2507 อายุ 58-76 ปี
  • ยุค พ่อและแม่ น้า อา Generation X คนที่เกิดปี พ.ศ. 2508 – 2522 อายุ 43-57 ปี
  • ยุค น้า อา พี่ น้อง Generation Y คนที่เกิดปี พ.ศ. 2523 – 2540 อายุ 25-42 ปี
  • ยุค พี่ น้อง Generation Z คนที่เกิดปี พ.ศ 2539 ปี อายุต่ำกว่า 25 ปี
  • ยุค หลาน เหลน Generation Alpha คนที่เกิดปี พ.ศ. 2553 ปี อายุต่ำกว่า 12 ปี

 

ลักษณะเฉพาะของกลุ่มคนแต่ละยุค โดยแบ่งตามคุณลักษณะเด่น และการใช้เทคโนโลยี อาจแบ่งได้ 3 กลุ่ม ดังนี้

 

 

 

 

ช่องว่างระหว่างวัย มีแนวโน้มเป็นภัยเงียบ อาจก่อให้เกิดปัญหา เมื่อคนเรา…

 

  1. ขาดความเข้าใจธรรมชาติของแต่ละวัย ทำให้เกิดการคาดหวังที่เกินจริง
    • เมื่อคนต่างวัยให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกัน จึงเกิดความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับพฤติกรรมและความเชื่อที่แต่ละวัย “ควรจะมี”
    • คนรุ่นสร้างเนื้อสร้างตัวหลังสงคราม (รุ่นพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย) มองว่าควรทำงานที่เดียวตลอดชีวิตและมีความภักดี ในขณะที่คนยุคใหม่หรือเจนวาย (Gen Y) มองหาความท้าทายและโอกาสจากหลากหลายองค์กร ไม่ยึดติดกับที่ใดที่หนึ่ง
  2. ให้คุณค่ากับความเป็นปัจเจกบุคคลสูง ทำให้คนมองต่างกันได้ง่ายขึ้น
  3. ใช้ชีวิตที่เร่งรีบ มีธุระเยอะ ไม่มีเวลาให้กันเท่าที่ควร
  4. อยู่ในครอบครัว สถานที่ทำงาน ชุมชน ที่มีความหลากหลายของคนต่างรุ่นวัย (คนมักเข้าใจคนรุ่นใกล้ตัวและเห็นต่างกับคนรุ่นที่ห่างจากตน)

 

 

ปัญหาคือ พอคุยกันไม่ได้ เลยไม่เข้าหากัน หนีหน้ากันเพียงเพราะไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากโต้เถียงกัน ไม่มีกิจกรรมร่วมกัน ช่องว่างยิ่งห่างขึ้น

 

 

 


 

 

อ่านต่อตอนที่ 2/2

 

 


 

 

บทความโดย

ศาสตราจารย์ ดร.อรัญญา ตุ้ยคำภีร์
ผู้อำนวยการหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตสาขาวิชาจิตวิทยา
ประธานแขนงวิชาการวิจัยจิตวิทยาประยุกต์
และอาจารย์ประจำแขนงวิชาจิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การประชุมรับฟังความเห็นเพื่อการจัดทำคู่มือการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและจิตสังคม สำหรับผู้ให้การคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2567 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกับร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration; IOM) ในการจัดการประชุมรับฟังความเห็นเพื่อการจัดทำคู่มือการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและจิตสังคม สำหรับผู้ให้การคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ณ Psyche Space ชั้น 3 อาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

การประชุมนี้เป็นการนำเสนอเนื่อหาของคู่มือการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและจิตสังคม สำหรับผู้ให้การคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นผลผลิตจากโครงการวิจัย เรื่อง “Mapping of Available MHPSS services for Vulnerable Migrants in Thailand and Development of a Handbook for Shelter Staff in Designing and Delivering MHPSS Support for Victims of Trafficking during the NRM Reflection Period” โดยคู่มือดังกล่าวมีเนื้อหาประกอบด้วยหลักการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการให้บริการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตและจิตสังคมแก่บุคคลเปราะบางในกระบวนการค้ามนุษย์ ตลอดจนการดูแลจัดการบาดแผลทางจิตใจแบบทุติยภูมิและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลตนเองของผู้ปฏิบัติงาน พร้อมนำเสนอตัวอย่างการนำทฤษฎีไปใช้ในทางปฏิบัติ

 

การประชุมดังกล่าวได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริเดช สุชีวะ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณซัสเกีย ก๊อก หัวหน้าฝ่ายคุ้มครอง องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน มาเป็นประธานเปิดการประชุม โดยมีตัวแทนจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ตัวแทนจากสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตัวแทนจากบ้านพักเด็กและครอบครัว และตัวแทนจากองค์กรที่มีประสบการณ์ในการทำงานด้านสุขภาพจิตและจิตสังคมในบริบทต่าง ๆ มาร่วมรับฟังเนื้อหาและแสดงความเห็นเพื่อใช้ในการพัฒนาคู่มือให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และผู้ปฏิบัติงานต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

อัลบั้มภาพ 

 

 

แสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 26 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

วันที่ 30 ตุลาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา พร้อมด้วยคุณวีระยุทธ กุลสุวิพลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารคณะจิตวิทยา ร่วมแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยพัฒน์ หล่อศิริรัตน์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา และผู้บริหาร เนื่องในโอกาสครบรอบ 26 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

 

 

ขอแสดงความยินดีกับ อ. ดร.จิรภัทร รวีภัทรกุล และ อ. ดร.พนิตา เสือวรรณศรี ในโอกาสที่ได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วยศาสตราจารย์”

 

คณะจิตวิทยาขอแสดงความยินดีกับ

 

  • อ. ดร.จิรภัทร รวีภัทรกุล อาจารย์ประจำคณะจิตวิทยาแขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และ

  • อ. ดร.พนิตา เสือวรรณศรี หัวหน้าศูนย์สุขภาวะทางจิต และผู้อำนวยการหลักสูตรจิตวิทยาการปรึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

ในโอกาสที่ได้รับการอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ในการประชุมครั้งที่ 892 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567

ให้ดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วยศาสตราจารย์” สาขาวิชาจิตวิทยา

 

 

 

 

พิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2567 “วันปิยมหาราช” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ฯ หน้าหอประชุมจุฬาฯ พระลานพระราชวังดุสิต โดยมี ศ. (พิเศษ) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ กรรมการสภามหาวิทยาลัย คณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรจุฬาฯ คณะกรรมการสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ และนิสิตจุฬาฯ ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
ในการนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาและถวายบังคมด้วย

มูลนิธิสติแอพ ร่วมกับ TIMS : สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต, กรุงเทพมหานคร และ Maybelline New York จัดงาน Better Mind Better Bangkok 2024

 

เพื่อฉลองวันสุขภาพจิตโลก (World Mental Health Day) ที่ตรงกับวันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี มูลนิธิสติแอพ ร่วมกับ TIMS : สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต, กรุงเทพมหานคร, Maybelline New York, มูลนิธิเพื่อคนไทย, สสส., ThaiPBS และ Samyan Mitrtown จัดงาน Better Mind Better Bangkok 2024 ขี้น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา ณ สามย่านมิตรทาวน์ ชั้น 3

 

ภายในงานประกอบด้วยเวทีเสวนา 4 เวที ภายใต้ธีม L.O.V.E ได้แก่

 

  • Loving Yourself – การรักตัวเอง
  • Opening Hearts – การยอมรับผู้อื่น
  • Valuing Lives – การมีสุขภาวะที่ดี
  • Enhancing Connection – การมีสัมพันธ์ที่ดี

 

 

 

 

Loving Yourself: The Art of Self-Care
14.00 – 14.50 น.

 

วิทยากร

  • คุณนิ้วกลม สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์: นักเขียน ผู้จัดรายการ Have a nice day และเจ้าของเพจ Roundfinger (Moderator)
  • คุณดุจดาว วัฒนปกรณ์: ผู้ก่อตั้ง Empathy Sauce และ Soulsmith นักจิตบำบัดด้วยศิลปะการเคลื่อนไหว และผู้จัดรายการ R U OK podcast
  • คุณยิปโซ อริย์กันตา มหพฤกษ์พงศ์: นักแสดง
  • ผศ.ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์: คณบดี คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการสถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS)

 

Opening Hearts: Embracing Social Inclusion
15.00 – 15.50 น.

 

วิทยากร

  • คุณกันตพร สวนศิลป์พงศ์: นักเขียน, นักจิตวิทยาการปรึกษา, ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรของศูนย์บริการปรึกษาเชิงจิตวิทยาและสุขภาพจิต MasterPeace (Moderator)
  • ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์: โฆษกกรมสุขภาพจิต จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
  • คุณซิลวี่ ภาวิดา มอริจจิ: นักร้อง/ศิลปินสังกัด Warner Music Thailand
  • คุณสโรชา กิตติสิริพันธุ์: นักจิตวิทยาและบรรณาธิการสำนักพิมพ์ผีเสื้อปีกบาง

 

Valuing Lives: Understand Well-Being
16.15 – 17.05 น.

 

วิทยากร

  • คุณมะเฟือง เรืองริน อักษรานุเคราะห์ – นักจิตบำบัด เจ้าของเพจ Beautiful Madness by Mafuang (Moderator)
  • คุณไมกี้ ปณิธาน บุตรแก้ว – นักแสดงและตัวแทนจาก Maybelline Brave Together
  • พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ – ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์
  • คุณจารุปภา วะสี – ผู้อำนวยการศูนย์ความรู้และประสานงานสุขภาวะทางปัญญา

 

Enhancing Connection: Fostering Community Support
17.15 – 18.05 น.

 

วิทยากร

  • คุณบุศย์สิรินทร์ ยิ่งเกียรติกุล – Transmedia Journalist, The Active ThaiPBS (Moderator)
  • คุณเขื่อน ภัทรดนัย เสตสุวรรณ – ศิลปิน, ผู้ก่อตั้ง จุดพักใจ, นักจิตบำบัด
  • นพ.ธีรวีร์ วีรวรรณ – นายแพทย์เชี่ยวชาญ ด้านเวชกรรมป้องกัน, ผู้อำนวยการกองสร้างเสริมสุขภาพ สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร
  • คุณอมรเทพ สัจจะมุนีวงศ์ – ผู้ก่อตั้ง แอพสติ

 

 

รับชมไลฟ์ย้อนหลัง

https://www.facebook.com/satiapp/videos/1077876293924377/

 

 

 

นอกจากเวทีเสวนาทั้ง 4 แล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ

  • รับพาสปอร์ตสำหรับสะสมแสตมป์เพื่อแลกของที่ระลึกที่บูธลงทะเบียน
  • เติมอุปกรณ์บำรุงหัวใจด้วย ‘กล่องปฐมพยาบาลใจ’
  • ไอศกรีมเย็นๆ ชื่นใจจาก ‘Harmony Ice Cream’
  • กาแฟโดยผู้พิการทางสายตาจาก ‘Dots Coffee’
  • มินิคอนเสิร์ตจาก ‘คุณไมกี้ ปณิธาน บุตรแก้ว’ ตัวแทนจาก Maybelline Brave Together กับกิจกรรม Let’s be Brave, Let’s paint the pain

 

 

ภาพบรรยากาศในงาน

TIMS : สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต

 

สรุปเนื้อหาย่อยง่าย จากการพูดคุยบนเวทีเสวนาในงาน

Visual Note

 

 

ขอแสดงความยินดีกับนิสิตที่ได้รับรางวัล “การนำเสนอผลงานวิจัยแบบบรรยาย ระดับดีเด่น” ในการประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักสูตรและการสอน ประจำปี 2567

 

คณะจิตวิทยาขอแสดงความยินดีกับ คุณปฏิภาณ ตาคำ นิสิตปริญญาโทแขนงวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ พร้อมด้วย รศ. ดร.พรรณระพี สุทธิวรรณ และ ศ.พิเศษ ดร.สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต อาจารย์ที่ปรึกษา ที่ได้รับรางวัล “การนำเสนอผลงานวิจัยแบบบรรยาย ระดับดีเด่น” (เรื่อง ผลของการฝึกสติที่มีต่อสัมฤทธิผลในการเรียนคีย์บอร์ดขั้นต้นของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 3) ในการประชุมวิชาการระดับชาติด้านหลักสูตรและการสอน ประจำปี 2567 เมื่อวัน 28 กันยายน 2567 ณ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่